ตำรวจไซเบอร์ จับซื้อขายบัญชีม้า 131 ราย 518 หมายจับทั่วประเทศ เสียหายกว่า 300 ล้าน ซื้อบัญชี 800-1200 บาท พบเยาวชนอายุต่ำสุด 15 ปี เสียอนาคต ตัดวงจรหลอกลวงภัยออนไลน์

ว่าจ้างผู้อื่นให้ไปเปิดบัญชีธนาคารให้ แล้วนำบัญชีธนาคารนั้นไปกระทำความผิด หรือที่เรียกว่า “บัญชีม้า” จับกุมผู้ต้องหา 131 ราย ตรวจยึดของกลางบัญชีม้าจำนวนมาก ความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท

วันที่ 23 ธ.ค.64 เวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด  จ.นนทบุรี

พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง
ผบช.สอท.

พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชาในสังกัด บช.สอท.-คณะทำงานฯ และ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. รรท.เลขาฯ กสทช., นายธวัช ไทรราหู ประธานชมรมตรวจสอบและป้องกันทุจริต สมาคมธนาคารไทย, และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการระดมปฏิบัติการปราบปราม ”บัญชีม้า” เพื่อตัดวงจรการหลอกลวงภัยออนไลน์ โดยในระหว่างวันที่ 16-22 ธ.ค.2564 (7 วัน) สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 26 ราย ตรวจยึดของกลางบัญชีธนาคารจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 36 ล้านบาท เช่น คดีหลอกลวงให้ร่วมลงทุนเทรดเงินสกุลดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชัน DAXIN, คดีหลอกขายโทรศัพท์ไอโฟนให้กับเด็ก นร.ชั้น ม.2 อายุ 14 ปี, คดีเล่นแอปหาคู่ถูกหญิงหลอกเล่นหุ้นออนไลน์, คดีเอเย่นต์รับซื้อขายบัญชีม้า และปล่อยเลขล็อคกองสลาก

คดีสำคัญคือ ตำรวจไซเบอร์ได้นำกำลังเข้าค้นบ้านพักในจังหวัดชลบุรี หลังสืบทราบว่าเป็นบ้านของขบวนการเอเย่นต์รับซื้อขายบัญชีม้า ตรวจค้นพบบัญชีธนาคารหลายธนาคารรวม 107 บัญชี ของบุคคลต่างๆ รวมกว่า 60 คน เจ้าของบ้านยอมรับว่า ได้รับซื้อบัญชีจากชาวบ้านในละแวก บัญชีละ 800-1200 บาท ซึ่งแต่ละบัญชีจะต้องมีบัตร ATM หรือผูกกับแอปพลิเคชั่นธนาคารออนไลน์ไว้แล้ว นอกจากนี้ยังพบว่ามี 10 บัญชีจาก 107 บัญชี เคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการซื้อขายบัญชีม้ามาแล้ว อีกทั้งลักษณะของถิ่นที่อยู่เจ้าของบัญชียังพบว่ามีลักษณะเกาะกลุ่มในพื้นที่เดียวกัน เช่น ตำบลเดียวกัน หมู่บ้านเดียวกัน โดยมักจะเป็นชุมชนของกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

ออกหมายจับเจ้าของบัญชีม้า 518 หมายจับทั่วประเทศ แบ่งเป็นตำรวจไซเบอร์กว่า 100 หมายจับ และตำรวจท้องที่อีกกว่า 400 หมายจับ บัญชีม้าส่วนใหญ่ที่พบเป็นเยาวชน บางคนอายุต่ำกว่า 15 ปี มีเงินหมุนเวียนเข้าออกเป็นจำนวนมาก จึงได้ประสานกับสมาคมธนาคารฯ ให้เฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวของเงินจำนวนมากผิดปกติในบัญชีเยาวชนอายุต่ำกว่า 15 ปี ยืนยันไม่ได้เป็นการคุกคามสิทธิส่วนบุคคลของประชาชนทั่วไป

ขณะที่นายธวัช ไทรราหู ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย ยอมรับว่าในการติดตามเงินของผู้เสียหายยังมีอุปสรรคเรื่องของระยะเวลาในการประสานงานระหว่างหน่วยงาน และ กรอบอำนาจตามกฎหมายที่จะแก้ปัญหาให้ทันสถานการณ์ แต่ขณะนี้ก็ได้มีการตั้งคณะทำงานไปทำงานร่วมกับตำรวจไซเบอร์ เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐาน

“ 1.ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตาม ป.อาญา มาตรา 343 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000  บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.ร่วมกันโดยทุจริตหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่พี่น้องประชาชน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000  บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ

3.ร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 60 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี -10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

สมชาย..รายงาน

Related posts