หนังดีติดดาว***
“The Power” ภาพยนตร์สยองขวัญส่งท้ายปี 64 ผลงายของผู้กำกับ โครินนา เฟธ ที่นำแสดงโดย โรส วิลเลียมส์, ดีวีน เฮนรี่, เอมี่ เบ็ธ ฮาเยส, โรเบิร์ต กู้ดแมน, มาร์ลีย์ เชสแฮม จากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง ในปี 1974 รวมถึงการดึงเอาเรื่องสยองขวัญใกล้ตัว ที่เกี่ยวกับวิญญาณร้ายที่คอยตามหลอกหลอนคน เพื่อให้ได้บางอย่างที่ต้องการ เรื่องราวของ วาล นางพยาบาลฝึกหัดที่ต้องเข้าเวรกะดึก ในวันเดียวกับที่สหภาพคนงานเหมืองประกาศสไตร์ค ทำให้ไฟดับทั่วเกาะอังกฤษ เมื่อเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยทุกคนอพยพไปที่โรงพยาบาลอื่นเกือบหมด เธอต้องเผชิญกับความมืดน่าหวาดผวา ภายในโรงพยาบาลที่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่แห่งความตาย เธอต้องประคองสติ รับมือกับอำจาจชั่วร้าย ให้ผ่านพ้นคืนนี้ไปให้ได้
หนังดูยากหน่อยเพราะไม่ได้ให้รายละเอียดตัวละครทั้งหลายไม่ว่าจะตัวหลักหรือตัวรองหนังใช้การตัดสลับช่วงเวลาแบบกระท่อนกระแท่น ให้เราค่อย ๆ ต่อจิ๊กซอว์ไว้ในหัวเรื่อย ๆ และหนังเล่นกับความมืดและความสว่างเพียงน้อยนิดจากตะเกียงได้อย่างชาญฉลาด ด้วยเซตติ้งที่เป็นโรงพยาบาลเก่าแก่ ลำพังตอนกลางวันก็ไม่ค่อยน่าสบายใจอยู่แล้ว แล้วพอมาตอนกลางคืนที่ไฟดับอีก คือหลอนมากเลยแหละ และไหนจะความไม่น่าไว้วางใจกับความสยองขวัญที่เข้ามาสร้างบรรยากาศตลอดเวลา ซึ่งหนังไม่ได้ขายความสยองขวัญที่ดูแล้วย่อยง่ายนะ จังหวะเขาทำดูแล้วก็สะดุ้งบ้าง แต่หนังเน้นสร้างบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจอย่างช้า ๆ แล้วไปปล่อยของเอาช่วงท้ายเมื่อทุกอย่างที่วางไว้ถูกเปิดเผย บอกเลยว่าทุกอย่างที่หนังปล่อยออกมาทีละนิดนั้นคือความตั้งใจเพื่อสร้างความกดดันให้กับคนดูอย่างแท้จริง มีบางจังหวะทำให้เราคิดว่าตกลงมันผีหรือคน ตกลงมันคนหรือผี หรือนางเอกมันบ้าไปเอง
ติดให้ **** ครึ่ง
“อโยธยา มหาละลวย” ภาพยนตร์รักสายมูสุดยิ่งใหญ่แห่งปี ชวนให้หลงใหลไปกับเรื่องราวของเวทมนต์คาถา ของผู้กำกับ ภวัต พนังคศิริ นำโดยนักแสดงชื่อดัง อาทิ เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข, เกรท- สพล อัศวมั่นคง, โบว์-เมลดา สุศรี, ภีม-ธนบดี ใจเย็น ร่วมด้วย ฟลุค-พงศกร วงศ์เพียร, โมสต์-วิศรุต หิมรัตน์
กับเรื่องราวของ เรียวสึ (เจมส์ – จิรายุ) ชายหนุ่มที่มีความเป็นมาคลุมเครือ เขาได้รับการเลี้ยงดูโดยหลวงตา ซึ่งสอนให้เขาได้เรียนรู้วิชาการต่อสู้ และเวทมนตร์คาถา เพื่อใช้ป้องกันตัวในวันข้างหน้า ในวันที่เขาต้องการตามหาแม่ และตามหานางในดวงใจ ออสายสร้อย (โบว์-เมลดา) หลวงตาได้มอบหมายให้ ทอง (เกรท-สพล ) เดินทางไปพร้อมกันเพื่อคอยดูแลกันและกัน ระหว่างการเดินทางพวกเขา ตกกระไดพลอยโจนต้องช่วย 2 คู่หู อาซิม (ฟลุค-พงศกร) และ จีนล้ง (โมสต์-วิศรุต) ที่ก่อเรื่องไว้ที่โรงชำเราชาย ที่นี่เองทำให้ เรียวสึ ได้พบกับ ออสร้อย อีกครั้ง แต่ทว่า ด้วยความงามของ ออสร้อย เป็นที่ต้องตาของ ขวัญ (ภีม-ธนบดี) ซึ่งเป็นบุตรชายของออกญาคชบาล ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในอโยธยา ทำให้เรียวสึพยายามทำทุกทาง เพื่อชิงตัวออสร้อยคืนมา
โดยหนังมีความแฟนตาซีผสมมากจนกลบความเป็นหนังพีเรียดไปจนแทบไม่เหลือ เรื่องราวในช่วงครึ่งแรกจะวนเวียนอยู่กับความว้าวุ่นของวัยรุ่นอโยธยาที่วัน ๆ คิดแต่เรื่องสุราและนารี และหมดไปกับการที่ตัวละครทั้งหลายมาปล่อยมุกที่ไม่ค่อยขำเท่าไร หนังยังฉลาดพอที่จะให้รู้จักกับตัวละครรองหลายตัวที่ตอนหลังเอากลับมาใช้ได้อย่างคุ้มค่าและน่าสนใจ ช่วงหลังของหนังสนุกขึ้น เพราะเส้นเรื่องเริ่มหักไปหักมา จนทำให้หนังน่าติดตามมากขึ้น ชอบการที่หนังเอาความเป็นวัยรุ่นวุ่นรักแบบในปัจจุบันไปตีความให้เข้ากับความโบราณและความแฟนตาซีที่พอดูแล้วก็ เออ นะ ช่วงวัยรุ่นไม่ว่าจะอยู่ในยุคไหนสมัยไหนมันก็คงประมาณนี้ วุ่นวายอยู่กับเรื่องความรัก สนุกกับการสำมะเลเทเมา มีอาวุธเป็นของเล่น มีเครื่องรางของขลังเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว คิดว่าในสมัยโบราณก็คงประมาณนี้เช่นเดียวกัน
ติดให้ *
เฉลยคำถามภาพยนตร์เรื่อง “ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด” : อุเทน ศรีริวิ