“เที่ยวทั่วไทยไปกับพี่หนุ่ม’สุทน รุ่งธัญรัตน์ จะพาไปรู้จักบ้านสิงห์ท่า จุดเริ่มต้นของเมืองยศสุนทร-เมืองยโสธร
“บ้านสิงห์ท่า” ตั้งอยู่ที่ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ซึ่งมีเรื่องราวความเป็นมาตั้งแต่สมัยปลายอาณาจักรแผ่นดินล้านช้าง ของสปป.ลาว ในวันนี้เล่ากันว่าครั้งนั้นมีชาวล้านช้างโดยมีผู้นำชื่อ ท้าวคำสู อพยพเข้ามาตั้งบ้านเรือน 2 สถานที่ ที่แรกที่ “คำเขื่อนแก้ว” ต่อมาท้าวคำสูและชาวบ้านได้ออกสำรวจในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงก็พบวัดร้างแห่งหนึ่งมีองค์พระพุทธรูปองค์ใหญ่และรูปปั้นสิงห์จึงทำพิธีกรรมบวงสรวงแล้วตั้งบ้านเรือนเป็นแห่งที่ 2 แล้วเรียกชื่อว่า “บ้านดงขวางท่าชี” เพราะอยู่ใกล้กับลำน้ำชี ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “บ้านสิงห์หิน” เมื่อชาวบ้านได้ร่วมกันบูรณะวัดร้างจนกระทั่งแล้วเสร็จก็ให้ชื่อว่า “วัดพระหลวงใหญ่” ต่อมาเมื่อได้เปลี่ยนชื่อเป็น “บ้านสิงห์หิน หรือ บ้านสิงห์ท่า” แล้วก็เลยเปลี่ยนชื่อวัดพระหลวงใหญ่เป็น “วัดสิงห์ท่า” ด้วยล่ะครับ
ความเป็นมาของเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่านี้ ก็มีเรื่องกล่าวกันอีกมุมมองหนึ่งว่าเข้เมื่อครั้งต้นกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 โปรดฯ ให้ยกฐานะบ้านสิงห์ท่าขึ้นเป็น “เมืองยศสุนทร” เนื่องจากมีศึกสงครามกรุงรัตนโกสินทร์กับกรุงเวียงจันทน์แล้วโปรดฯ ให้ราชวงศ์คำสิงห์คือท้าวคำสิงห์เป็นเจ้าเมืองคนแรกคือ “พระยาสุนทรราชวงศา” ทำให้เห็นว่าบ้านสิงห์ท่านี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองยโสธรที่ชาวยโสธรเขาภูมิใจ ความเป็นมาของบ้านสิงห์ท่านี้ยังมีอีกว่าเมื่อเข้ามาสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ครั้งนั้นมีกบฏเจ้าอนุวงศ์แห่งกรุงเวียงจันทน์ ชาวเมืองยศสุนทรหรือเมืองยโสธรเกิดความไม่สงบสุขพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯ พระราชทานพระพุทธรูป “พระแก้วหยดน้ำค้างหรือพระพุทธปฏิมาบุษยรัตน์” ให้เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองปกป้องรักษาบ้านเมืองยศสุนทรหรือเมืองยโสธรให้แคล้วคลาดของเหตุการณ์นั้น ทุกวันนี้ประดิษฐานในวิหารวัดมหาธาตุในเขตบ้านสิงห์ท่านะครับ แวะกราบนมัสการขอพรได้ครับ
มาถึงเรื่องเล่าต่อมาครับว่าบ้านสิงห์ท่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของจังหวัดยโสธรในเวลานี้เพราะบ้านสิงห์ท่าเมื่อครั้งสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ครั้งกระนู้นประเทศมหาอำนาจคือฝรั่งเศสมีอำนาจในลุ่มน้ำโขง ที่บ้านสิงห์ท่าจึงเป็นย่านการค้าที่สำคัญที่มีชาวเวียดนามเข้ามาสร้างบ้านเรือนมากมาย อาคารร้านค้าบ้านเรือนก็มีลักษณะศิลปะจีนผสมผสานกับศิลปะตะวันตกหรือสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปตุกีส เรียกว่าสวยงามมากๆ ครับ ใครที่เคยเที่ยวที่ถนนชิโนโปรตุกีสที่ภูเก็ตลแล้วก็ลองมาชมสถาปัตยกรรมแบบนี้ที่บ้านสิงห์ท่ากันนะครับ ควรค่าแก่การอนุรักษ์ให้คงอยู่เป็นความโดดเด่นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของบ้านสิงห์ท่าตลอดไป
เมื่อถึงบ้านสิงห์ท่าแล้ว จุดเริ่มต้นของการเที่ยวชมต้องกราบขอพร “ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองบ้านสิงห์ท่า” เมืองยโสธร ตัวศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเป็นศิลปะ 3 วัฒนธรรมคือ พญามังกรศิลปะจีน หลังคายอดเป็นองค์พระธาตุศิลปะลาวและหลังคาศิลปะชาวไทย
สำหรับ “เสาหลักเมือง” ประดิษฐาน 3 เสา เสาองค์ใหญ่คือเสาหลักเมือง เสาเล็กๆ ด้านซ้ายและด้านขวาเป็นที่สถิตของจิตวิญญาณผู้ดูแลปกป้องบ้านเมืองหรือประชาชนชาวจังหวัดยโสธร ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวมากราบบูชาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลเจ้าพ่อหลักเมืองกันหนาแน่นทุกวัน ส่วนการขอพรนั้นก็จะขอเรื่องการงาน สอบเข้ารับราชการ ขายที่ดินหรือทำกิจการค้าขาย ขอความเจริญรุ่งเรืองของหน้าที่การเงิน เป็นต้น แล้วไปต่อที่ “วัดสิงห์ท่า” ชมรูปปั้นสิงห์เป็นที่มาของชื่อ “บ้านสิงห์ท่า”
หากท่านผู้อ่านเดินทางไปท่องเที่ยว “บ้านสิงห์ท่า” หนุ่ม’สุทน คนนี้ขอแนะนำว่าควรจะไปช่วงเช้าหรือเย็นๆ อากาศไม่ร้อนนั่งเล่นเพลินๆ ชิลล์เอ้าทฺสุดๆ โดยเฉพาะการได้นั่งจิบร้านกาแฟไม่ก็ดื่มนมสดที่ร้าน “สิงห์-นม-สด” แล้วเดินชมตึกโบราณเก่าชิโนโปรตุกีส ดูโดดเด่นสวยงาม ศิลปะจีนผสมผสานกับตะวันตก มันให้ความสุขรื่นรมย์ได้ดีครับ
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดยโสธรหรือจังหวัดอุบลราชธานีสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุบลราชธานี-จังหวัดยโสธร ได้ที่โทรศัพท์ 045-243770 ได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ขอขอบคุณ ผอ.ธงชัย แสนทวีสุข ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุบลราชธานี ที่ให้การต้อนรับคณะสื่อมวลชนชมรมนักข่าวท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่เดินทางไปทำข่าวงานประเพณีแห่มาลัยข้าวตอก รวมทั้งเก็บข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดยโสธร “เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้ ถ้าอยากรู้ต้องออกเดินทางไป…กับ…ผมหนุ่ม’สุทน” ขอบคุณและสวัสดีครับ
เรื่องและภาพโดย : หนุ่ม’สุทน รุ่งธัญรัตน์
แฟนเพจเฟซบุ๊ก: https://www.facebook.com/sutonfm100.5/
#ติดตามฟังเรื่องราวการเดินทางเที่ยวทั่วไทยทางคลื่นข่าว100.5fm ทุกวันอาทิตย์เวลา 10.10-11.00 น.
#ติดต่อวิทยากรด้านการท่องเที่ยวได้ที่ได้ที่แฟนเพจเฟซบุ๊ค
#เที่ยวเพลิน #เก็บเรื่องมาเล่าโดยหนุ่มสุทน #bigmaptravel #Tourism local life ชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวไทยยั่งยืน