“YenlyYours” คาเฟ่ขนมหวานไทยชั้นนำ โชว์ศักยภาพแบรนด์ไทยก้าวขึ้นเวทีโลก เตรียมขยายสาขา 30 แห่งทั่วเอเชียในปี 2565 ชูผลิตภัณฑ์จากมะม่วงที่ดีที่สุดในไทยของเครือข่ายสหกรณ์เกษตรกรในท้องถิ่น
กรุงเทพฯ ประเทศไทย – “เอ็กซ์ควิซีน โกลบอล” (Exquisine Global) ผู้นำด้านการบริหารงานร้านอาหารและแฟรนไชส์ ที่ประสบความสำเร็จในการขยายแฟรนไชส์ร้านอาหาร “แม็งโก้ทรี” (Mango Tree) และโคคา (COCA) ทั่วภูมิภาคเอเชีย ลุยโปรเจกต์ใหม่ เตรียมพา “เยนลี่ ยัวส์” (YenlyYours) แบรนด์คาเฟ่ขนมหวานไทย รุกตลาดอินเตอร์ฯ ขยายสาขา 30 แห่งทั่วเอเชียในปี 2565 ชูศักยภาพผลิตภัณฑ์จากมะม่วงที่ดีที่สุดในไทย โดยขอเป็นตัวแทนชาวสวนไทยและเครือข่ายสหกรณ์การเกษตรในท้องถิ่น ไปพิสูจน์ว่ามะม่วงไทยนั้นดีไม่แพ้ชาติใดในโลก
นายเทรเวอร์ แมคเคนซี (Trevor MacKenzie) กรรมการผู้จัดการ เอ็กซ์ควิซีน โกลบอล เปิดเผยว่า เอ็กซ์ควิซีน โกลบอล ได้รับบริหารงาน “เยนลี่ ยัวส์” แบรนด์คาเฟ่ขนมหวานสัญชาติไทยแท้ ที่เน้นขนมหวานและเครื่องดื่มที่ทำจาก “มะม่วงไทย” โดยได้วางแผนขยายสาขาเครือข่ายคาเฟ่ “เยนลี่ ยัวส์” ออกไปทั่วภูมิภาคเอเชีย เพื่อให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล และเพื่อเพิ่มช่องทางในการทำกำไรให้กับ “เยนลี่ ยัวส์” มากขึ้น นอกจากนั้น ยังเป็นการโชว์ศักยภาพผลิตผลของไทยที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ซึ่ง “เยนลี่ ยัวส์” เป็นแบรนด์ที่เน้นวัตถุดิบจากชุมชนและความยั่งยืน โดยได้รวบรวมผลไม้ที่ดีที่สุดจากเครือข่ายความร่วมมือของผู้ผลิตในไทย นับเป็นการสร้างมูลค่าในห่วงโซ่การจัดจำหน่ายอย่างแข็งแกร่ง
“เยนลี ยัวส์” นับเป็นเครือคาเฟ่แบรนด์ไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มต้นจากฟาร์มผลไม้ของครอบครัวในจังหวัดเชียงราย และเล็งเห็นถึงโอกาสในการนำผลไม้ไทย โดยเฉพาะ “มะม่วงไทย” ที่สามารถนำไปแปรรูปต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่ไปได้ไกล ปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์คาเฟ่ไทยที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งใช้เวลาเพียง 10 ปี สูตรเมนูขนมหวานและเครื่องดื่มของ “เยนลี่ ยัวส์” พัฒนามาจากวัตถุดิบชั้นเลิศอย่าง “มะม่วงน้ำดอกไม้” ที่ดีที่สุดจากเครือข่ายสหกรณ์เกษตรกรในท้องถิ่น ผสานแนวคิด “การรับประทานอาหารจากฟาร์มถึงโต๊ะที่ใส่ใจสุขภาพ” ซึ่งเป็นแนวโน้มในอุตสาหกรรมอาหารที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ประกอบด้วยเครื่องดื่มที่ทำขึ้นแบบแก้วต่อแก้ว สมูทตี้มะม่วงเย็น ไอศกรีม ไปจนถึงขนมไทยต้นตำรับ อาทิ ข้าวเหนียวมะม่วง และบัวลอย หรือเมนูสากลอย่าง เครปมะม่วง และมาการอง นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ที่เก็บรักษาได้นาน สามารถให้เป็นของขวัญได้ในแพ็คเกจที่สวยงาม อาทิ น้ำปลาหวานมะม่วงและกะปิ เค้ก และทาร์ตผลไม้
ปัจจุบัน “เยนลี่ ยัวส์” มีสาขาสไตล์คีออสก์จำนวน 14 สาขา ประกอบด้วย 12 สาขาในกรุงเทพฯ และ 1 สาขาในกระบี่ ประเทศไทยรวมถึงที่สิงคโปร์ และคาเฟ่แห่งใหม่ในกัมพูชา ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและมีกำหนดจะเปิดให้บริการในเร็ว ๆ นี้ ในปีนี้ “เยนลี่ ยัวส์” ได้รับการบริหารงานการขยายสาขาโดย “เอ็กซ์ควิซีน โกลบอล” ผู้เชี่ยวชาญด้านร้านอาหารและแฟรนไชส์ระดับนานาชาติ เพื่อนำ “เยนลี่ ยัวส์” ขยายตัวไปสู่จุดหมายปลายทางในเอเชียในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ภายใต้พอร์ตการลงทุนทั่วโลกทั้งหมดคาดว่า จะมีถึง 30 แห่งภายในสิ้นปี พ.ศ. 2565 ครอบครัวประเทศเวียดนาม กัมพูชา และสิงคโปร์ และจะเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลแบรนด์ที่มีสาขาไม่ต่ำกว่า 500 สาขาใน 20 ประเทศทั่วโลก ภายใน 5 ปี สอดคล้องกับเป้าหมายของแบรนด์ที่ต้องการก้าวขึ้นแท่นร้านขนมหวานที่ทำจากมะม่วงไทยชั้นนำของโลก โดยคิดสัดส่วนเป็นเจ้าของเอง 60% และสาขาแฟรนชายส์ 40%
ร้านแฟรนไชส์ของ “เยนลี่ ยัวส์” จะมีขนาดระหว่าง 30 – 70 ตารางเมตร พร้อมเคาน์เตอร์เซอร์วิส เน้นการซึ้อแบบกลับบ้าน ในขณะที่สามารถเพลิดเพลินได้ที่ร้านในโซนที่บรรยากาศสบาย ๆ ทำเลเป้าหมาย คือ ศูนย์ศูนย์การค้าและศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งที่มีผู้คนสัญจรไปมาจำนวนมาก พร้อมการสนับสนุนในด้านการฝึกอบรมพนักงาน การขาย การตลาด และการสร้างแบรนด์ นอกจากนั้น ผู้ลงทุนยังสามารถซื้อและนำเข้ามะม่วงไทยได้โดยตรงจากเกษตรกรและขายให้กับซูเปอร์มาร์เก็ตและผู้ค้าส่งอีกด้วย
เทรเวอร์ แมคเคนซี กล่าวว่า “ในฐานะผู้บุกเบิกแนวคิดการทำอาหารที่สร้างสรรค์ซึ่งดึงดูดใจผู้บริโภคในวงกว้าง เราต้องการใช้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของเราเพื่อช่วยให้แบรนด์ไทยขยายธุรกิจในต่างประเทศและเป็นตัวแทนของประเทศไทยในเวทีโลก ซึ่ง “เยนลี่ ยัวส์” แบรนด์ที่เริ่มต้นด้วยความหลงใหลในผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและอาหารต้นตำรับ เหมาะอย่างยิ่งกับพอร์ตโฟลิโอของเรา บริษัทแห่งนวัตกรรมแห่งนี้ได้นำเสนอมะม่วงน้ำดอกไม้ที่ดีที่สุดในระดับข้ามชาติ เราต้องการช่วยให้พวกเขาเติบโตต่อไป โดยทำให้แฟรนไชส์ได้รับประโยชน์จากเครือข่ายความร่วมมือของเรา และเปิดโอกาสให้นักทานได้ลิ้มลองรสชาติหวานของมะม่วงไทยมากขึ้น”
ด้าน ธวัชชัย วัชสิริเสรี ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เยนลี่ยัวส์ กล่าวว่า “เยนลี่ ยัวส์ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 12 แล้ว และเป็นผู้นำด้านขนมหวานและเครื่องดื่มที่ทำมาจากมะม่วงของประเทศไทยในแง่ของเครือข่ายสาขาและส่วนแบ่งการตลาด เป้าหมายใหม่ของเราคือการเป็นแบรนด์ขนมหวานมะม่วงที่ใหญ่ที่สุดในโลก เราเชื่อว่ามะม่วงไทยสามารถแปรรูปไปได้มากมาย สามารถผลักดันให้เป็นผลิตภัณฑ์ระดับโลกได้ไม่ต่างจากเมนูชากาแฟ เราอยากพิสูจน์ให้ลูกค้าทั้งคนไทยและทั่วโลกได้เห็นว่ามะม่วงไทยมีดี เราต้องการขยายไปยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเบื้องต้น หลังจากนั้นจะขยายไปที่เอเชียและยุโรป จนมีสาขามากมายทั่วทุกมุมโลก โดยตั้งเป้าไว้ว่า ในปี 2025 เรามีเป้าหมายในการเปิด 10 ประเทศ และปี 2030 จะขยายเป็น 20 ประเทศ ส่วนในปีนี้ เราวางแผนที่จะขยายสาขาเป็น 30 สาขาในปี 2565 รวมถึงสาขาในต่างประเทศในสิงคโปร์ เวียดนาม และกัมพูชา เพื่อขยายธุรกิจของเราอย่างมีประสิทธิภาพและมีเป้าหมายที่ชัดเจน เราต้องมีพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันอย่าง “เอ็กซ์ควิซีน โกลบอล” นี่เป็นก้าวที่สำคัญสำหรับเรา และเราหวังว่าจะได้ร่วมงานกับพันธมิตรแฟรนไชส์รายใหม่และนักลงทุนที่มีความสามารถทั่วโลก”
การขยายตัวของ “เยนลี่ ยัวส์” ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเกิดขึ้นควบคู่ไปกับแผนการเติบโตที่ทะเยอทะยานของ “เอ็กซ์ควิซีน โกลบอล” ซึ่งเคยสร้างความสำเร็จในการขยายแบรนด์ “โคคา” และ “แม็งโกทรี” ถึง 70 สาขาใน 13 ประเทศ และจะนำ “เยนลี่ ยัวส์” ไปสู่เวทีระดับโลกในอนาคต
เกี่ยวกับ Exquisine Global
“เอ็กซ์ควิซีน โกลบอล” เป็นบริษัทที่มีพลวัต สร้างสรรค์ และเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะนำอาหารไทยต้นตำรับที่มีความสร้างสรรค์มาสู่โลก โดยได้ขยายสาขาร้านอาหารไทยไปทั่วโลก ประกอบด้วยแบรนด์ Mango Tree, Mango Tree Bistro และ Mango Tree Café รวมถึง COCA ร้านอาหารแนวคิดสุกี้หม้อไฟร่วมสมัย ปัจจุบันดำเนินกิจการร้านอาหารและคาเฟ่มากกว่า 70 แห่ง ใน 13 ประเทศในเอเชียและตะวันออกกลาง นอกจากนั้น ยังเป็นส่วนหนึ่งของเอกอัครราชทูตวัฒนธรรมและผู้ริเริ่มด้านการทำอาหาร ได้จัดทำหลักสูตรเพื่อเป็นแบรนด์อาหารไทยชั้นนำระดับโลก โดยนำเสนออาหารไทยที่มีคุณภาพ การออกแบบที่มีสไตล์ และบริการที่ใช้งานง่ายซึ่งเกินความคาดหมายของนักทานเสมอ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.exquisinethai.com
เกี่ยวกับ YenlyYours
“เยนลี่ ยัวส์” คือแบรนด์คาเฟ่ขนมหวานและเครื่องดื่มที่ทำจาก “มะม่วง” ชั้นนำของโลก โดยคัดเฉพาะมะม่วงที่สดและดีที่สุดมาจากเครือข่ายสหกรณ์เกษตรกรไทยที่เพาะปลูกอย่างยั่งยืน พัฒนาเป็นเมนูที่อร่อยและโดดเด่นหลากหลาย เสิร์ฟภายในร้านคาเฟ่บรรยากาศสบาย ๆ ที่มีชีวิตชีวา มีสาขาถึง 20 แห่งครอบคลุม 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ เวียดนาม และกัมพูชา และจะขยายสาขาอีกหลายแห่งในปีต่อ ๆ ไป ภายใต้ภารกิจการนำมะม่วงไทยรสหวานและสดใหม่ไปสู่นักทานทั่วโลก ในรูปแบบของร้านมะม่วงยุคใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อนแน่นอน