เปิดปก…อกนักเขียน
“นิวไม่จิ๋ว” ตีแผ่ชีวิตจริงสุดช้ำ “คืนทมิฬ”
“บันทึกไซด์ไลน์” กระแสตอบรับแรงจนฉุดไม่อยู่ และปกทำให้ได้เจอนักเขียนเจ้าของผลงานนาม “นิวไม่จิ๋ว” กับบันทึกไซด์ไลน์ที่ยอดอ่านทะลุหมื่นวิวพาให้เจ้าของผลงานยิ้มไม่หุบทีเดียว ยังต่อจักรวาลชีวิตของผู้หญิงอีกอาชีพนอกจากขายตัวก็เป็น “ราชินีหนังโป๊” ยอดดีพ่วงไปด้วย เพราะถ่ายทอดเรื่องราวของ ‘เนย’ ที่เห็นเสี่ยลียิงพ่อกับแม่ตายต่อหน้าต่อตาไม่พอยังลากเธอไปให้ลูกค้ารวย ๆ รุมข่มขืน เพราะพ่อของเนยติดหนี้เสี่ยลีหลายล้าน นิยายทั้งเรื่อง บันทึกไซด์ไลน์ กับ ราชินีหนังโป๊ ตีแผ่อาชีพผู้หญิงขายบริการแต่คนละด้านไม่ต่างกันตรงมอบความสุขให้ผู้ทั้งหลายได้เสพสม ทว่าบทสุดท้ายชีวิตแม้ผ่านขวากหนามมากมาย ‘นิด’ (บันทึกไซด์ไลน์) ก็โชคดีกว่าเนยที่มีผู้ชายรักจริงหวังแต่งแถมมีลูกน้อยเป็นโซ่ครองใจกัน แต่เนยซึ่งกัดฟันสู้ชีวิตน่าขยะแขยงจนชินเพราะเธอท่องไว้ว่า ‘ต้องใช้หนี้เสี่ยลีให้หมด’ ส่วนความรักกับ ‘จักร’ ไม่สมหวังแต่เธอมีเงินสามารถชี้เลือกผู้มาเป็นแฟนหรือควงเล่น ๆ ได้สบาย ๆ สำหรับเรื่อง “คืนทมิฬ” เคยอ่านแต่ชีวิตของผู้หญิงอาภัพรักพอมาเจอนิว นักเขียนที่อาภัพรัก ก็น่าสงสารแต่เขาเป็นผู้ชายที่มีเพื่อนดีคอยปลอบใจและเป็นกำลังใจจึงผ่านมันมาได้อย่างเข้มแข็งและไม่พึ่งยาเสพติด ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่เผชิญเรื่องเจ็บปวดแล้วจะผ่านมาได้อย่างมีชีวิต จากเห็นข่าวบางคนถึงขั้นฆ่าตัวตาย หรือฆ่าคนที่ทำร้ายตนก็มีให้เห็นบ่อย ขอชื่นชมนิวที่ฟันฝ่าความรู้สึกสุดช้ำนั้นมาจนมาบอกเล่าเรื่องราวผ่านตัวอักษร และสอดแทรกแง่คิดและมิตรภาพระหว่างเพื่อน หลังจากจิตใจแข็งแกร่งนิวได้ปรับอารมณ์มาเขียนหนังสือแนวพัฒนาตนเองชื่อว่า “คัมภีร์นักเขียนนิยาย” ควรค่าแก่ผู้ที่อยากเขียนนิยาย จากที่อ่านนักเขียนอธิบายเป็นขั้นเป็นตอนอย่างละเอียดพร้อมยกตัวอย่างให้เข้าใจง่าย ซึ่งข่าวว่าขายหมดเกลี้ยงแล้ว มาถึงตรงนี้ขอบคุณนิวที่สละเวลาให้สัมภาษณ์ถึงเส้นทางขายฝันที่น่าจะอีกยาวไกลว่า
“สวัสดีครับ ผมชื่อ “กมลภพ ล้อพูนผล” ชื่อเล่น ‘นิว’ ครับ ปัจจุบันทำงานเป็นเจ้าของโรงงานน้ำมันรำข้าวชื่อ LPP Rice Bran Oil โดยปกติจะเขียนนิยายเป็นงานอดิเรก แรงบันดาจใจส่วนมากได้มาช่วงอาบน้ำหรือไม่ก็ออกไปเดินข้างนอก หากใกล้ตัวกว่านั้นก็จะเป็นการเลื่อนโซเชียลมีเดียไปเรื่อย ๆ ในหัวก็จะแปลงสิ่งที่พบเจอมาเป็นพล็อตหรือไอเดียได้อย่างอัตโนมัติ ในความเป็นจริงการที่จะเขียนนิยายไม่จำเป็นต้องเรียนจบเฉพาะด้าน เพราะการเขียนนั้นสามารถขัดเกลาได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องรู้วิธีการเล่าเรื่องให้ ‘สนุก’ และน่าติดตาม ส่วนตัวผมจบคณะนิเทศศาสตร์ สาขาสื่อใหม่ (ภาพยนตร์) จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) มีความสามารถโดดเด่นในเรื่องของการตัดต่อและทำซีจีที่เก่งที่สุดในคณะ ในระหว่างนั้นผมก็ได้พัฒนาในเรื่องของการเขียนบทภาพยนตร์โดยอาจารย์จะให้โจทย์มาคิดบททุกครั้งก่อนเริ่มเรียน ซึ่งนั่นจะเป็นการฝึกกลั่นไอเดียออกมาเป็นพล็อตได้ โดยอาจารย์จะเปิดเพลงคลาสสิกทั้งหลายแล้วให้คิดเรื่องราวจากที่ได้ยินเพลงครับว่า พล็อตควรจะไปในทิศทางไหน ซึ่งไม่มีผิดไม่มีถูก แต่แค่ต้องเล่าให้สนุกครับ
เหตุผลที่ใช้นามปากกาว่า ‘นิวไม่จิ๋ว’ คือตัวผมเองจะไม่ทำอะไรเล็ก ๆ จิ๋ว ๆ แต่จะสร้างอะไรที่มันใหญ่โตอลังการเหมือนจักรวาลนิยายที่ผมกำลังปั้นนี่แหละครับ ปัจจุบันเขียนถึงเล่มที่เจ็ดจากที่วางแผนไว้กว่ายี่สิบเล่ม (ยังอีกยาวไกลมาก) ผมเริ่มเขียนนิยายครั้งแรกสมัยที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่หก ตอนนั้นผมอ่านหนังสือนิยายเรื่อง ‘Cirque Du Freak’ ซึ่งบรรณารักษ์เป็นผู้แนะนำให้อ่าน เพราะช่วงนั้นผมไม่ค่อยเล่นกับเพื่อนเลยสิงอยู่แต่ในห้องสมุดและได้มีโอกาสสัมผัสกับหนังสือหลากหลายประเภทครับ ส่วนผลงานที่เขียนเรื่องแรกสมัยเด็กเป็นนิยายแนวแฟนตาซีชื่อว่า ‘จังไรเดอร์’ เขียนใส่ลงในสมุดโรงเรียนแล้วให้เพื่อนสนิทอ่าน ปรากฏว่าทั้งห้องเรียนติดกันงอมแงม จนสุดท้ายต้องพิมพ์วางขายไปสี่สิบเล่ม ปัจจุบันขายหมดไปแล้ว หลังจากนั้นผมก็หันไปทำหนังสั้นเต็มตัวจนทิ้งนิยายจนถึงปี 2020 ที่ผมกลับมาเขียนนิยายอีกครั้งในแพลตฟอร์ม ReadAWrite เรื่องแรกที่ลง ‘บันทึกไซด์ไลน์’ กระแสตอบรับถือว่ายอดเยี่ยม หลังจากลงไปไม่กี่ตอน ยอดคนอ่านทะลุไปหลักหมื่นวิว จากที่ต้องการจะเขียนจบแค่ยี่สิบตอน กลับกลายเป็นว่าต้องขยายเรื่องราวจนถึงร้อยตอน จากนั้นก็ค่อย ๆ ขยายขนาดของเรื่องราวจนกลายเป็นจักรวาล
การเป็นนักเขียนนั้นสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำในแต่ละเดือนได้หรือไม่ ก็ต้องตอบแบบนี้ว่า หากต้องการเขียนเพื่อเงินให้เขียนแนวตลาด แม้ว่าตัวเองจะไม่ชอบแต่ก็ต้องยอม หากคุณชอบแนวตลาด อย่าง แนวรัก โรมานซ์ มาเฟีย วาย แล้วเขียนสนุก เงินก็จะไหลมาเทมาทุกเดือน หากโชคดีก็จะได้ทำเป็นซีรีส์ด้วย อย่างผมจะเปิดให้อ่านฟรีไปก่อนเพื่อกระตุ้นให้ยอดวิวเพิ่ม เมื่อถึงเวลาลงขายแบบอีบุ๊กก็จะสามารถโฆษณาได้ว่า นิยายของเรานั้นมีคนอ่านเป็นแสนเลยนะ คนเขาก็จะทยอยมาซื้อนิยายเราอ่าน เพราะมันรู้สึกว่าน่าสงสัยว่าทำไมคนถึงอ่านเยอะจัง นี่แหละ แค่นี้เราก็ได้เงินเข้ากระเป๋าแล้ว จนกระทั้งผมมีเงินพิมพ์เล่มขายเองได้ บอกเลยว่าไม่ใช่ง่าย ๆ กว่าจะพิมพ์ได้หนึ่งเล่ม เมื่อเวลาขายก็ขายเหมือนที่ผมขายแบบอีบุ๊กคือเอายอดวิวเข้าไปก่อน หากนักอ่านอยากอ่านฟรีก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็เป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนให้ยอดวิวเพิ่มขึ้นครับ
ปัจจุบันนี้ผมมีนิยายเรื่องยาว 10 เรื่อง เรื่องสั้น 20 เรื่อง และนิยายแชทอีก 2 เรื่อง แนวโรมานซ์ 14 เรื่อง แนวดราม่า 3 เรื่อง แนวไซไฟ 3 เรื่อง แนวสยอง 8 เรื่อง แนวแอ็กชัน 2 เรื่องและแนววาย 2 เรื่อง มีพิเศษออกมาอีกผลงานก็คือ หนังสือแนวพัฒนาตนเองชื่อว่า ‘คัมภีร์นักเขียนนิยาย’ ซึ่งเป็นผลงานที่มียอดจำหน่ายสูงสุด ซึ่งมียอดขายเกินสามร้อยเล่มไปแล้ว รองลงมาเป็นนิยายเรื่อง บันทึกไซด์ไลน์ มียอดขายมากกว่าสองร้อยเล่ม หากว่าเป็นช่วงก่อนมีงานประจำบอกได้เลยว่าเขียนได้วันละสิบ ๆ หน้า อัปนิยายวันละตอน วันไหนฟิด ๆ หน่อยก็อัปเช้าเย็น แต่พอมีงานประจำที่ต้องรับผิดชอบ แรก ๆ ก็จะยังไม่เท่าไหร่ เมื่อเวลาผ่านไป ความเหนื่อยและความเครียดจะค่อย ๆ สะสมจึงทำให้เกิดความท้อแท้ แต่ก็พยายามยื้อตัวเองให้นักอ่านได้อ่านตอนจบของนิยายเรื่องนั้นให้ได้ อีกทั้งช่วงนี้เขียนทีเดียวหลายเรื่อง ก็ทำให้ความท้อเพิ่มขึ้นทวีคูณ นั่นไม่ได้ทำให้อยากเลิกเขียนแม้แต่น้อย เพราะมันคือสิ่งที่ผมคลั่งไคล้มาตั้งแต่เด็ก ๆ และแม้ว่าจะเขียนฉากเลิฟซีนไว้เยอะมากในนิยายแต่ละเรื่อง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขินอายไม่ว่าจะอยู่ที่สาธารณะหรืออยู่แบบส่วนตัวก็ตาม ส่วนมากจะจินตนาการจากประสบการณ์หรืออ่านการ์ตูนแนว 20+ ก็จะได้อรรถรสของทั้งผู้หญิงผู้ชาย รวมถึงศึกษาเรื่องนี้จริง ๆ จัง ๆ ซึ่งพล็อตนิยายส่วนใหญ่นั้นจะเกิดจากเหตุการณ์ในชีวิตของผมที่ผ่านมา อย่างเช่นเรื่อง คืนทมิฬ นั้นจะเป็นเหตุการณ์สุดดาร์กที่ผมประสบมาและเหตุการณ์นี้ฝังอยู่ในความทรงจำและหลอกหลอนผมตลอดมา จนกระทั่งได้ปลดปล่อยมันออกมาเป็นนิยายรวมถึงเพิ่มจินตนาการลงไปนิด ๆ หน่อย ๆ ปกติผมเขียนนิยายโดยเล่ามุมมองของผู้หญิงเลยจะใช้สำนวนผู้หญิง แต่ก็ยังมีสำนวนของผู้ชายที่อาจจะมีความกระด้างมากกว่าของผู้หญิงครับ
ฉากที่ยากสำหรับการเขียนของผมก็คือ ฉากต่อสู้ เนื่องจากต้องใช้จินตนาการในเรื่องของฉากบู๊หรือการออกท่าค่อนข้างสูงไม่ต่างอะไรกับเป็นผู้กำกับหนังเลยทีเดียว แต่ด้วยความที่ผมเคยกำกับหนังมาก่อนเลยไม่มีฉากไหนที่ยาก แต่ก็ไม่มีฉากไหนที่ง่ายเช่นกัน และผมถนัดแนวแอ็กชันโดยเฉพาะฉากสู้แบบหนึ่งต่อคนทั้งกองทัพ แต่ไม่ถนัดฉากดวลกันระหว่างพระเอกกับตัวร้ายเพราะเหมือนตัวเองปลดปล่อยความดิบของตัวเองไม่มากพอ เพราะฉะนั้น ฉากที่ตัวเอกสู้กับคนทั้งกองทัพจะเป็นฉากที่ผมเขียนลื่นที่สุดและเขียนมันส์มือที่สุดครับ แล้วตอนนี้ผมมีโปรเจกต์เขียนนิยายในจักรวาลนิยาย นิวไม่จิ๋ว เป็นจำนวน 25 เรื่อง คละแนวกันไปแต่ธีมเรื่องทั้งหมดจะเป็นแนวดราม่า เสียดสีสังคมมากกว่า (ซึ่งอาจจะยังไม่จบจักรวาล) และโปรเจกต์นิยายสำหรับขายบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ อีก 20 เรื่องซึ่งจะเป็นแนวอีโรติกหมดเลย ส่วนปกผมจะเน้นปกนิยายในจักรวาลเป็นหลัก ส่วนนิยายที่เหลือผมจะหาซื้อเป็นภาพสต็อกเอาครับ
ส่วนนิยายที่เขียนตอนนี้เรื่อง ‘จันทราราตรี’ เป็นแนวโรแมนติกในรั้วมหาวิทยาลัย โดยจะเป็นภาครุ่นลูกครับ ผมเคยเขียนนิยายวายอยู่หนึ่งเรื่องเพื่อตามกระแสโดยจะเกี่ยวกับนักเขียนที่ต้องการจะเป็นนักเขียนนิยายอันดับหนึ่งของประเทศ แต่สุดท้ายผมก็เขียนไม่จบเพราะด้วยความที่ตัวเองไม่ได้ต้องการมาทางนี้เลยต้องพับเอาไว้ก่อนแล้วจะกลับมาสานต่อเรื่องราวจนจบครับ
หากนักอ่านต้องการตามอ่านหรือซื้อนิยายสามารถเข้าไปติดตามได้ที่
ReadAWrite: https://www.readawrite.com/?action=user_page&user_id_publisher=3739014
Facebook Page : https://www.facebook.com/newmaijew2018
Shoppee : https://shopee.co.th/newmaijew13?categoryId=100643&itemId=16532262886
ตอนนี้เขียนเรื่อง จันทราราตรี ยังไม่มีกำหนดเปิดพรี แต่อนาคตจะเปิดพรีแน่นอนครับ ในระหว่างนี้ผมจะเปิดพรีหนังสือเรื่อง ‘มนุษย์เงินเดือน’ ประมาณเดือนสิงหาคมนี้ครับ”
เฉลยคำถามผลงานของ “爱飛 อ้ายเฟย” : “บุปผาเขย่าบัลลังก์มังกร 3P”
คำถามซีรีส์นิยายของ “นิวไม่จิ๋ว” 2 เรื่องมีชื่อเรื่องอะไร?
ทราบคำตอบเขียน ใส่ไปรษณียบัตร พร้อมชื่อ- ที่อยู่ – เบอร์โทรศัพท์และคำตอบให้ชัดเจน ส่งมาที่
#คอลัมน์เปิดปก…อกนักเขียน
32/15 ซอยลาดพร้าว 23 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
ขอบคุณนักเขียนนามปากกา “นิวไม่จิ๋ว” ที่สนับสนุนนิยาย 3 เล่มมาเล่นเกมทายปัญหาท้ายคำสัมภาษณ์
ส่งคำตอบมาภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม 2565