ปัจจุบันกระแสนิยมของนิยายวาย หรือ (yaoi) เป็นที่ยอมรับของหลายสำนักพิมพ์ที่เคยประกาศจะไม่พิมพ์แต่แล้วก็ต้องออกเพราะทนกระแสเรียกร้องของสาวกสายเลือดวายไม่ไหว แรงขนาดเข็นขึ้นจอกันก็หลายช่องจนเรตติ้งกระจุยกระจายพาดาราแจ้งเกิด ทำให้ผู้จัดทยอยสร้างซีรีส์ออกมาปลุกกระแสอย่างต่อเนื่อง อย่างตอนไปงานสัปดาห์หนังสือที่จัด ณ สถานีกลางบางซื่อก็เห็นสำนักพิมพ์นิยายแนว yaoi เปิดบูธกันเนืองแน่นแถมปกก็ดึงดูด จนเรานี้มือลั่นไปหลายเรื่องทีเดียว และอดไม่ได้ต้องคว้าตัวนักเขียนนิยายวายมาสัมภาษณ์คนแล้วคนเล่า เพื่อเปิดประสบการณ์การก้าวสู่เส้นทางสาย yaoi อีกทั้งพาให้เกิดสกู๊ปพิเศษนี้ขึ้น พร้อมสัมภาษณ์นักเขียนนิยายวายและนักอ่านที่ถอนตัวออกไปไม่ได้จากเข้ามาในถ้ำหรรษาของ yaoi แล้ว
มาเริ่มที่นักอ่านนิยายวายจนจุดประกายให้คลอดผลงานของตนเองออกมา สำหรับนักเขียนน้องใหม่สุดน่ารักนามปากกา “มาร์คธารา” เล่าว่า
“สวัสดีครับ ผมชื่อ “ณัฐวุฒิ ธารานิธิกุล” ชื่อเล่น ‘มาร์ค’ ครับ ผมเริ่มเขียนนิยายมาได้ 1 ปี 2 เดือนแล้วครับ โดยใช้ชื่อนามปากกา “มาร์คธารา” โดยนำเอาชื่อเล่นกับนามสกุลสองคำแรกมาตั้งเป็นนามปากกาครับ ผมมีผลงานนิยายขายลงใน MEB 5 เรื่อง ก็คือ รักสองเรา, รักแท้ของชีโตส…เป็นแวมไพร์, กอหญ้ากับนายปากร้าย, กระบี่เทพสายฟ้าทะลุปฐพี, เพลิงพิศวาสสาวบริการ ส่วนนิยายเรื่อง “เพลินใจลิขิต” เป็นนิยายแนวดราม่า ที่กล่าวถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่เกิดมาซอกช้ำมาทั้งชีวิต เหมือนโชคชะตากลั้นแกล้งเธอ ให้เธอมีชีวิตที่เจ็บปวดแสนสาหัส ซึ่งผมลงขายในเว็บ ReadAwrite อยู่ครับ แล้วในไม่นานเกินรอก็จะนำเรื่องนี้ไปวางขายใน MEB ครับ
ผมชื่นชอบการอ่านนิยายมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วครับ โดยเฉพาะนิยายแนวดราม่า วาย จีนกำลังภายใน แฟนตาซี โรมานซ์ อีโรติก ผมชอบอ่านนิยายมาก ๆ เพราะการอ่านนิยายนั้นมันสามารถสอนการใช้ชีวิตของผมได้เยอะเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการคบเพื่อน การใช้ชีวิตประจำวัน การวางตัวให้เข้ากับสังคม การปรับตัวในการอยู่กับคนหมู่มาก อย่างเช่นนิยายเรื่อง “ราชินีหนังโป๊” ของ ‘พี่นิว’ เจ้าของนามปากกา “นิวไม่จิ๋ว” ซึ่งกล่าวถึงผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า ‘เนย’ โดยพ่อของเธอล้มละลายจนมีหนี้สินพันล้าน ทำให้เนยต้องไปทำงานเป็นดาราหนังโป๊เพื่อปลดหนี้ก้อนโตที่เจ้าหนี้คือเสี่ยลี จากได้อ่าน ‘เนย’ เป็นผู้หญิงสาวที่ทั้งสวยทั้งเก่ง มีความอดทน ใจกล้า สู้กับชีวิต โดยไม่ย่อท้อ จนในที่สุดเธอก็สามารถปลดหนี้ก้อนโตได้สำเร็จ นิยายเรื่องนี้ของ ‘พี่นิว’ เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมชอบอ่านมาก ๆ เลยครับ เพราะสอนให้ผมได้เรียนรู้ว่า คนเราถึงแม้ว่าจะเจอกับปัญหาอะไรเข้ามาในชีวิต เราห้ามท้อกับปัญหานั้นโดยเด็ดขาด ต้องลุกขึ้นมาสู้กับปัญหานั้นอย่างสุดกำลัง อย่ายอมแพ้ อย่าอ่อนแอ เหมือนกับ ‘เนย’ ครับ ผมชอบผลงานทุกเรื่องที่พี่นิวเขียนเพราะให้ข้อคิดมากมาย และพี่นิวป็นไอดอลของผม และเป็นคนที่จุดประกายทำให้ผมอยากเป็นนักเขียนนิยายที่เก่ง ๆ เหมือนกับพี่เขาครับ
แล้วจากที่ผมได้อ่านนิยายของพี่นิว และพี่ ๆ ๆ นักเขียนหลายคน มันก็ทำให้ผมอยากลองเขียนนิยายดูบ้าง นิยายเรื่องแรกที่ผมได้ลองเขียนก็คือเรื่อง “ชายพิการผู้รอบรู้ภาษาอังกฤษ” ซึ่งผมได้เอาชีวิตของผมกับอดีตเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นชายพิการมาเขียนเป็นเรื่องแรก ซึ่งนิยายเรื่องนี้ผมต้องการเขียนเพื่อสื่อให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านได้รู้ว่า ไม่ว่าเราจะเกิดมาพิการ หรือป่วยเป็นโรคที่แสนเจ็บปวด ก็ต้องพยายามอดทนสู้กับชีวิต รักตัวเองให้มาก พยายามฝึกฝนและเรียนรู้ด้วยตัวเอง มีความมุมานะพยายามในสิ่งที่ทำ สักวันหนึ่งเราก็จะประสบความสำเร็จครับ สำหรับนิยายเรื่อง “ชายพิการผู้รอบรู้ภาษาอังกฤษ” ไม่มีขายในเว็บไหนแล้วเพราะผมได้ลบนิยายเรื่องนี้ออกจากทุกเว็บไซต์ เพราะผมไม่อยากเก็บความทรงจำของอดีตเพื่อนไว้อีก แต่ถามว่าผมเสียดายไหม ผมก็เสียดายครับ แต่บางครั้งเราก็ต้องเลือกที่จะจดจำในสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข ดีกว่ามาจดจำในเรื่องที่เป็นทุกข์โดยเปล่าประโยชน์ สู้เอาเวลามาทำในสิ่งที่เกิดประโยชน์ดีกว่า นั้นก็คือ การพัฒนางานเขียนของตัวเองต่อไปโดยไม่ย่อท้อ ผมขอฝากติดตามผลงานของ มาร์คธารา ด้วยนะครับ (ยิ้ม)”
คราวนี้มาฟังความรู้สึกของนักอ่านที่อ่านนิยายมาหลายแนวมาก ๆ ที่บ้านมีนิยายเก็บเรียงชั้นไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และเริ่มเปิดชั้นหนังสือสำหรับวางนิยายแนว yaoi แต่ก่อนจะไปฟังความรู้สึกของนักอ่านที่หันมาชิมลางในฐานะนักเขียน ก็ต้องขอบคุณนักเขียนนามปากกา “ยัยตัวร้าย ice.party” ที่แนะนำให้รู้จักนักอ่านและนักเขียนเจ้าของนามปากกา “santasandy” ที่ลงนิยายในเว็บไซต์อ่านนิยายยอดฮิต โดยได้รับการช่วยเหลือและคำแนะนำจากนักเขียนหลายคนจนมีผลงานออกสู่สายตานักอ่าน และเตรียมจะทำมือเรื่องแรก “บัวกลางใจ” โดยนักเขียนเผยถึงการอ่านนิยายจนจุดประกายผันตัวเองก้าวสู่เส้นทางนักเขียนว่า
“พี่ทรายอยากแนะนำตัวเพื่อจะรู้จักกันมากขึ้น พี่เป็นข้าราชการบำนาญค่ะ อ่านนิยายทุกประเภทตั้งแต่อายุประมาณ 10 ปี เป็นพวกการ์ตูนและเริ่มเป็นเรื่องยาว ๆ สมัยมัธยมนะคะ ชอบสะสมหนังสือเป็นเล่ม ชอบดูซีรีส์สืบสวน สรุปว่าทุกอย่างที่เป็นเรื่องราวที่มีการถ่ายทอดออกมาพี่ชอบหมด แต่ในชีวิตจริงคือบอกตัวเองเสมอว่าเป็นนักอ่านนะ เรียกว่าสั่งจิตตัวเองให้เป็นนักอ่าน แต่ชะตาชีวิตเริ่มแปรผันเมื่อโควิดเข้ามา ชีวิตเปลี่ยนไป ลูกแนะนำซีรีส์เรื่อง ‘เพราะเราคู่กัน’ บอกว่าสนุกมาก พี่เริ่มตกหลุมรักสารวัตร ทำให้ลองหานิยายเรื่องนี้มาอ่าน แต่ความจริงเล่มแรกที่เปิดการเป็นนักอ่านคือเรื่อง ‘บังเอิญรัก’ แล้วจากนั้นมาก็เริ่มสะสมจากหนึ่งเล่มจนปัจจุบันน่าจะเป็นพันเล่มในระยะเวลา 3 ปี โดยพี่เข้าไปอยู่ในกลุ่มนักอ่าน แลกเปลี่ยนมุมมองการอ่านนิยายกับน้อง ๆ แต่ตัวเองก็คือนักอ่านนะ
จากได้อ่านนิยายก็เป็นการจุดประกาย โดยเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2564 พี่ขับรถไปทำงาน แต่เหมือนมีเสียงในหัวบอกว่า ‘เออ ลองแต่งเรื่องนี้สิ’ เสียงนั้นบอกพี่เป็นเรื่องราวของ ‘เจ้าผัน’ เมื่อถึงที่ทำงานเลยลองบันทึกลงในเฟซบุ๊กและส่งเข้ากลุ่มไปให้น้อง ๆ อ่านกลายเป็นว่าน้อง ๆ ชอบ พี่เลยพิมพ์ให้อ่านในเฟซบุ๊กติดกัน 3 วัน ก็มีน้องทักว่า ทำไมไม่แต่งลงแอปฯ ตอนนั้นงงมาก จะทำอย่างไรดีนะ ตัดสินใจโพสต์เฟซบุ๊กว่า ‘พี่อยากแต่งนิยายลงแอปฯ แต่ทำไม่เป็น’ ก็มีน้องไรต์ทักข้อความมาหาในทันที และอธิบายทุกขั้นตอนในการสมัครอย่างละเอียดมาก จนพี่ทรายสามารถสมัครได้ และเริ่มลงตอนแรกในวันที่ 5 ธันวาคม 2564 สำหรับนามปากกาที่ใช้ คุณครูแนน (วารุณี) ท่านแนะนำว่า Santa ชื่อซ้ำกับท่านอื่นเลยเติมชื่อตัวเองลงไปเป็น santasandy เลยถือโอกาสใช้นามปากกานี้เลยค่ะ แล้วก็มานั่งคิดอีกว่า อ้าว! เราไม่เคยแต่งนิยายนี่นา เราแค่อยากเขียนแล้วเราจะแต่งจบไหม เราจะอย่างไรต่อ ก็โพสต์เฟซบุ๊กถามอีกครั้งว่า พี่อยากแต่งนิยายแต่พี่ทรายไม่มีความรู้เลยว่าควรวางพล็อตอย่างไร ไม่ถึง 15 นาที คุณไรต์จุฑารัตน์ (Jutat Kittikongnapa) ท่านทักข้อความมาและกรุณาโทรมาคุยพร้อมกับสอนวิธีการแต่งโดยใช้ช่องทาง messenger ท่านอธิบายละเอียดมาก พี่จดลำดับขั้นตอนและซักถามข้อสงสัย สิ่งหนึ่งที่ท่านบอกคือ ท่านไม่เคยเห็นคนที่อยากทำและยังไม่มีอะไรเลยแต่กลับกล้าที่จะลงมือทำ นั่นคือคำชื่นชมที่พี่ทรายปลื้มใจ แต่สิ่งที่พี่ทรายได้รับคือความรักจากนักอ่าน ไม่มีคำติให้รู้สึกเสียใจ มีแต่คำสนับสนุนให้มีแรงเดิน นักอ่านช่วยตรวจทานคำผิดและใช้ถ้อยคำที่พี่รู้สึกมีแรงเดินต่อ และน้องไรต์เจ้าของนามปากกา ยัยตัวร้าย ice.party ได้วาดรูปเหมือนให้พี่ทราย เลยใช้เป็นรูปโปรไฟล์นักเขียน นอกจากนั้นยังต้องขอบคุณน้องไรต์หลายท่านที่แนะนำพี่ มีน้องนักรีวิวที่ช่วยให้เกิดกระแสคือ น้อง เพลง (Patcharin Muanphuak) ที่ลงเรื่องย่อให้ใน Tiktok นักอ่านรู้จักและเข้ามาอ่านมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกคนคือน้องไรต์ต๋า (Meen Meena) ที่ทั้งผลักทั้งดันให้เกิดความรู้สึกต้องทำเล่มแล้ว และอยากบอกว่าพี่ซาบซึ้งเสมอ และขอบคุณคุณกาย Guy Gnab ที่โทร messenger มาพูดคุยให้กำลังใจในวันที่พี่งงกับชีวิต ทำให้มีแรงคิดว่า เออ เราก็มีคนห่วงใยนี่นา คำพูดคุณกายวันนั้นทำให้พี่มีแรงเดินต่อและไม่ท้อใจ ส่วนครอบครัวก็รับทราบและอยู่ข้าง ๆ พี่ทรายเสมอ แม้ว่าจะเห็นแม่แต่งนิยายวายที่ลูก ๆ ไม่อินด้วยก็ตาม มีเพื่อน ๆ ที่ขอลิงก์ไปอ่านและส่งแรงใจให้พี่ทรายดีใจที่ชอบและตัดสินใจที่จะลงมือทำ พี่ขอบคุณเสียงในหัววันนั้นที่ทำให้เจ้าผันน้อยและท่านเจ้ามีชีวิต ขอบคุณที่อ่านตั้งแต่ต้นจนจบและขอฝากผลงานนิยายเรื่อง บัวกลางใจ (กำลังจะทำอีบุ๊กและเล่ม), จดหมายรักสามฉบับกับบันทึกรักสีแดง (จบแล้ว), จดหมายรักจากคนบนดอย (เรื่องสั้นตอนเดียวจบ), ความฝันของดอกหญ้า (กำลังแต่ง) และโปรเจกต์พิเศษได้รับคำชวนจากนักเขียนที่น่ารักแต่งร่วมกัน 7 คน เป็นโปรเจกต์ ดอกกุหลาบ ค่ะ จะลงเดือนมิถุนายนนี้ค่ะ”
แล้วมาต่อที่สายอ่านอย่างเดียว เพลง (Patcharin Muanphuak) เป็นนักอ่านและเปิดแอดรีวิวนิยาย จากได้คุยเจ้าตัวบอกทำแล้วมีความสุข สุขกับการได้อ่านนิยาย แค่ได้บอกต่อนิยายที่อ่านแล้วมีนักอ่านเห็นนิยายเรื่องนั้นมากขึ้นก็มีความสุขแล้ว โดยเพลงเล่าด้วยรอยยิ้มว่า
“ที่ชอบอ่านนิยายวายจุดเริ่มต้นมาจากดูซีรีส์วาย ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ว่ามีนิยายวาย แต่เพื่อนของลูกสาวให้ยืมหนังสือวายมาเล่มหนึ่ง พอได้อ่านแล้วเรารู้สึกชอบ มันทำให้เราได้คลายเครียด และมีความสุขไปกับนิยายเรื่องนั้น ๆ แม้บางเรื่องจะทำเราหน่วงจนเสียน้ำตาก็ตาม นิยายบางเรื่องก็มีข้อคิดให้แก่คนอ่านค่ะ เพลงอ่านนิยายวายมา 3 ปีแล้วค่ะ
ซึ่งนิยายส่วนใหญ่เพลงจะอ่านแค่รอบเดียว เพราะเราชอบรีวิวนิยายให้เพื่อนได้เข้ามาอ่านกัน แต่มีนิยายอยู่เรื่องหนึ่งที่ทำให้เราได้กลับไปอ่านซ้ำรอบ 2 คือเรื่อง ‘ก็แค่ตัวแทน’ ค่ะ ที่กลับมาอ่านเรื่องนี้อีกรอบ เพราะชอบอ่านนิยายวายดราม่าแต่ครบทุกอารมณ์ เรื่องนี้ตอบโจทย์ได้ดีสำหรับเราค่ะ
คราวนี้มาฟังความรู้สึกของสายอ่าน 2 คนสุดท้ายที่คร่ำหวอดในแวดวงนิยายวายมาหลายปี สองคนนี้เราจีบมาสัมภาษณ์เอง เพราะนอกจากอ่านแล้วก็แบ่งปันนิยายให้ในราคาไม่แรงแถมรอยยิ้มจริงใจ เราได้รู้จักตอนทักไปซื้อนิยายจนปัจจุบันกลายเป็นพี่รหัสด้วยให้เกียรติที่เข้าวงการมาก่อน โดยอิ๋งเล่าถึงการก้าวสู่ถ้ำวายว่า
“เป็นคนชอบอ่านนิยายชายและหญิงมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ จุดเปลี่ยนที่มาติดตามอ่านนิยายวาย ก็น่าจะประมาณปลายปี 2560 ที่ได้ดูซีรีส์เรื่อง Sotus The Series พี่ว๊ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง ด้วยเกิดความชอบในตัวละครจึงไปหานิยายมาอ่าน ซึ่งเป็นของนักเขียน BitterSweet เมื่อได้อ่านเรื่องที่ 1 เรื่องที่ 2 และ 3 ปัจจุบันนี้ก็อ่านมาเรื่อย ๆ จนเริ่มมาอ่านของนักเขียนนามปากกา ยอนิม, คีย์, ดาริน และอ่านเกือบทุกนักเขียน แต่ไม่ได้ติดตามใครเป็นพิเศษค่ะ
ใครรีวิวเรื่องไหนสนุกก็จด ๆ ไว้ มีเวลาก็หาอ่าน และซื้อเก็บเป็นเล่มหรืออ่านอีบุ๊กใน MEB บ้าง ซึ่งตอนนี้ไม่ได้แตะนิยายชายหญิงเลย มารู้ตัวอีกทีก็ถอยหลังกลับไปไม่ได้แล้ว ฮ่า ๆ ซึ่งถ้าให้นับก็อ่านนิยายวายมา 4-5 ปีแล้วค่ะ จริง ๆ บางเรื่องอ่านแล้วจำชื่อพระเอกกับนายเอกไม่ค่อยได้ ถ้าอ่านมานานแต่ถ้านึกได้ตลอดเวลามี 3 เรื่องที่จำได้แม่นคือเรื่อง “รักโคตร ๆ โหดอย่างมึง” เดย์/ อิฐ, “ล่ามโซ่หัวใจจองจำนายให้รักฉัน” ตุลย์/กรานต์ และ “กว่าจะรัก” บอย/ดิน ค่ะ ส่วนตอนนี้อ่านเรื่อง ‘ศิลปะหลงกล’ ของ TJ Tommys ยังไม่จบค่ะ”
มาถึงนักอ่านคนสุดท้าย เป็นสาวน้อยสดใสอารมณ์ดี จากได้พูดคุยจึงรู้ว่าน้องฟ้าอ่านนิยายวายมา 4 ปีก็ยังไม่อาจถอนตัวออกไปได้เลย โดยน้องฟ้าเล่าถึงการเข้ามาติดในวงการนิยายวายอย่างอารมณ์ดีว่า
“ที่หนูชอบอ่านนิยายวาย เพราะมันถูกจริตหนูค่ะ หนูชอบตรงที่ตัวเอกพร้อมผ่าอุปสรรคในสังคมที่คนไม่ค่อยยอมรับว่าชอบเพศเดียวกันค่ะ อ่านมาแล้วจริง ๆ จังพึ่งได้ 4 ปีเองค่ะ
นิยายที่อ่านหลายรอบก็เรื่อง “หวงเมีย” นี่อ่านหลายรอบมากเพราะมันเป็นแนวชีวิตประจำวัน มหาลัย อ่านได้ชิว ๆ สบาย ๆ จริงค่ะถ้าเข้ามาวงการวายแล้วถอนตัวไม่ได้ ตัวหนูก็ใช่ค่ะ นาน ๆ ทีจะกลับไปอ่านชาย-หญิงค่ะ หนูชอบนิยายวายตรงพล็อตเรื่องค่ะ ซึ่งพล็อตเยอะกว่านิยายชายหญิงค่ะ”
เพราะนอกจากนักเขียนหรือนักอ่านที่ถอนตัวออกจากวงการวายไม่ได้แล้ว เราเองก็ดีดตัวออกมายากเช่นกัน