ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลักลอบจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นต้นทางของการกระทำผิดกฎหมาย นำมาซึ่งความเสียหาย และความสูญเสีย
โดยที่ผ่านมาได้ปรากฏเป็นข่าว คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าระงับเหตุวัยรุ่นทะเลาะวิวาทกันจนเสียชีวิต ในพื้นที่ อ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี หรือกรณีเหตนักศึกษา ปวช.ปี 1 ทดลองยิงปืนดัดแปลงกระสุนลั่นเจาะท้องเพื่อนเสียชีวิต และเหตุอื่นๆ อีกหลายเหตุในลักษณะเดียวกัน ประกอบกับการก่อเหตุลอบสังหารบุคคลสำคัญในต่างประเทศนั้น จะเห็นได้ว่าอาวุธปืนส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ในการก่อเหตุเป็นอาวุธปืนที่ผู้กระทำผิดดัดแปลงทำขึ้นทั้งสิ้น ซึ่งปัจจุบันมีการลักลอบชื้อขายทางสื่อสังคมออนไลน์
เมื่อวันที่ 14 ก.ค.65 เวลา 10.30 น. กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบอาญชากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) โดย พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.มนเทียร พันธ์อิ่ม รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผบก.สอท.2, พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน ผบก.ตอท, พล.ต.ต.ฉัตรชัย นันทมงคล ผบก.พฐก. และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวกรณีการจับกุมผู้ต้องหา พร้อมตรวจยึดของกลางอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และอุปกรณ์ส่วนควบอาวุธปืนจำนวนมาก ณ หอประชุมอบรมสัมนา ตร. เมืองทองธานี มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
จากการสืบสวน พบว่ามีการลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนที่ผิดกฎหมายให้กับประชาชนทั่วไป ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กระทั่งเมื่อวันที่ 12 ก.ค.65 ได้นำหมายค้นศาลอาญามีนบุรี เข้าตรวจสถานที่น่าเชื่อว่าเป็นแหล่งจำหน่าย และเก็บอาวุธปืนในพื้นที่ สน.ร่มเกล้า และ สน.บางชัน จำนวน 2 จุด มีผลการปฏิบัติ ดังนี้
จุดที่ 1 ร้านค้าบริเวณ ถ.ราษฎร์พัฒนา แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ ทำการตรวจยึดของกลาง 1.อาวุธปืนแบลงค์ (Blank Gun) จำนวน 1,865 กระบอก, 2.เครื่องกระสุนปืนแบลงค์ จำนวน 82,450 นัด และ 3. อุปกรณ์ส่วนควบอาวุธปืน จำนวน 31 ชิ้น
จุดที่ 2 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส วงแหวนรามคำแหง ถ.เคหะร่มเกล้า แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ทำการตรวจยึดของกลาง 1.อาวุธปืนอัดลมแรงดันสูง เบอร์ 1 และเบอร์ 2 จำนวน 142 กระบอก, 2. อาวุธปืนแบลงค์ (Blank Gun) จำนวน 238 กระบอก, 3.เครื่องกระสุนปืนอัดลมแรงดันสูง เบอร์ 1 และเบอร์ 2 จำนวน 410 กล่อง และ 4.อุปกรณ์ส่วนควบอาวุธปืน จำนวน 97 ชิ้น รวมของกลางทั้ง 2 จุด
1.อาวุธปืนแบลงค์ (Blank Gun) จำนวน 2,103 กระบอก
2.อาวุธปืนอัดลมแรงดันสูง เบอร์ 1 และ เบอร์ 2 จำนวน 142 กระบอก
3.เครื่องกระสุนปืนแบลงค์ จำนวน 82,450 นัด
4.กระสุนปืนอัดลมแรงดันสูง เบอร์ 1 และ เบอร์ 2 จำนวน 410 กล่อง
5.อุปกรณ์ส่วนควบอาวุธปืน จำนวน 128 ชิ้น
โดยในจุดที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหา 1 ราย คือ ชายอายุ 50 ปี ในข้อหา “มี และจำหน่าย ซึ่งอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี-10 ปี ปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท และช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือ รับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่านำเข้ามาโดยไม่ถูกต้องตามพิธีการทางศุลกากร ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 246 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่า ของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ” นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พงส. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ การปฏิบัติการของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ (บช.สอท.) มุ่งเน้นที่จะแก้ปัญหาการนำอาวุธอันตรายไปใช้ก่อเหตุป้องกันชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น สนองตามนโยบายการดำเนินงานของสำนักงานตำรวจชาติ