วันนี้ 22 ก.ย. 2565 เวลา 08.00 น. ที่โรงเรียนเมืองพัทยา 5 (บ้านเนินพัทธยาเหนือ) ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี พ.ต.ท.เกริกฤทธิ์ สายวรรณะ รองผกก.ป.สภ.เมืองพัทยา / พ.ต.ท.อรุษ สภานนท์ สว.จร.สภ.เมืองพัทยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ร่วมดำเนินโครงการ การฝึกอบรมเอาตัวรอด เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือ ติดอยู่ในรถนักเรียน ให้แก่เด็กนักเรียนอนุบาล โรงเรียนเมืองพัทยา 5 โดยมีหน่วยงานเมืองพัทยาที่เกี่ยวข้องและ คณะบุลคลากรครูผู้สอนประจำโรงเรียน เด็กนักเรียนระดับชั้นอนุบาล 1-3 เข้าร่วมฝึกอบรมครั้งนี้
พ.ต.ท.อรุษ สภานนท์ สว.จร.สภ.เมืองพัทยา กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวเป็นการบูรณาการร่วมกันในการให้ความรู้เกี่ยวกับการช่วยเหลือตัวเองของเด็กนักเรียน กรณีที่ติดอยู่ในรถนักเรียน โดยเป็นไปตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจ ภ.2 และ ภ.จว.ชลบุรี ที่เร่งรัดให้ทุกสถานีกำชับโรงเรียนในพื้นที่ถึงมาตรการบังคับใช้กฎหมายและกำกับดูแลความปลอดภัยในการใช้งานรถโรงเรียน รวมถึงบังคับใช้กฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับผู้ขับขี่ การโดยสาร และการใช้รถโรงเรียน
โดยวันนี้ตนเองได้ร่วมให้ความรู้ทางกฎหมายจราจร และ กำชับอบรมคุณครูประจำรถโดยสารนักเรียนและผู้ขับขี่ในเรื่องต่างๆ อาทิ ให้ครูผู้ประจำรถทำการนับจำนวนนักเรียนขึ้น ลง ทุกครั้ง / ผู้ขับขี่รถโรงเรียนต้องเป็นผู้ที่ได้รับใบอนุญาตขับรถตามกฎหมาย / ระหว่างขับรถต้องไม่ให้เด็กหรือผู้โดยสารนั่งหรือยืนในรถโรงเรียนในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอันตราย / รถโรงเรียนรับส่งนักเรียน เจ้าของรถหรือผู้ขับขี่รถโรงเรียนต้องจัดให้มีข้อความ “รถโรงเรียน”ขนาดสูงของตัวอักษรไม่น้อยกว่าสิบห้าเชนติเมตรติดอยู่ด้านหน้าและด้านหลังของรถ / ห้ามผู้ขับขี่ฝ่าฝืนสัญญาณฟจราจร หากมีใครพบเห็นแล้วแจ้งมาทางโรงเรียนให้ดำเนินการตามกฎหมายในข้อหาความผิดเรื่องนั้น ๆ อย่างเคร่งครัด / ให้มีการตรวจสอบสภาพรถโรงเรียนให้มีมาตรฐานสภาพสมบูรณ์แข็งแรง ตรวจสภาพตามวงรอบ มีอุปกรณ์ช่วยเหลือขั้นพื้นฐาน ฟิล์มไม่ทึบสามารถมองเห็นจากภายนอกรถชัดเจน
พ.ต.ท.อรุษ สภานนท์ สว.จร.สภ.เมืองพัทยา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ได้มีการฝึกประสบการณ์จริง โดยแผนเผชิญเหตุจำลองในเรื่องของการขึ้นรถตู้ว่าจะต้องนั่งตรงไหนนั่งอย่างไร เมื่อเกิดเหตุถ้ามีนักเรียนติดอยู่ในรถต้องมีวิธีการแก้ปัญหา ในการขอความช่วยเหลือที่จะสามารถทำได้ เป็นการสร้างความรู้ให้กับนักเรียนจะได้มีทักษะเวลาเจอเหตุฉุกเฉินสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในเบื้องต้น เช่น หากติดอยู่ในรถให้ตั้งสติ แล้วขยับตัวมายังที่นั่งคนขับเพื่อบีบแตรจากพวงมาลัยเพื่อเรียกให้ครู หรือผู้อยู่ในละแวกนั้นเข้ามาดู หากเด็กตัวเล็กไม่มีแรงพอที่จะกดแตรรถ ให้ใช้สองมือประสานแล้วลงน้ำหนักตัวไปที่แตรรถบนพวงมาลัยเพื่อเสริมแรงของเด็กนักเรียน
จากการอบรมและฝึกแผนเผชิญเหตุในครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยลดปัญหาอุบัติเหตุ รวมถึงหยุดให้เกิดความสูญเสียกรณีเด็กนักเรียนติดอยู่ภายในรถอย่างที่เป็นข่าวดังที่ผ่านมา และขณะเดียวกัน ทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ได้ตระหนักถึงอันตรายในเรื่องดังกล่าวและได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสุกสถานีทำการกวดขัน เคร่งครัด ในการให้ความรู้ และการตรวจสอบ
เรื่องอุบัติเหตุ หรือเด็กเล็กติดอยู่ในรถเไม่ใช่เพียงเรื่องที่อยู่ในโรงเรียนเท่านั้น แต่หากเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่โดยเฉพาะครอบครัวที่มีบุตรหลาน ตนเองจึงอยากฝากให้ผู้ปกครองทุกท่าน คุณครูทุกท่าน รวมถึงผู้ขับขี่รถประจำทาง รถรับส่ง ให้มีความระมัดระวัง มีความรอบคอบตรวจตราหลังการเดินรถในแต่ละครั้งว่ามีผู้โดยสาร หรือเด็กนักเรียนตกหล่นบ้างไหม และขอให้ทุกท่านปฏิบัติตามกฎระเบียบวาด้วยกฎหมายจราจรเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินตัวท่านและคนในครอบครัว ตลอดถึงคนในชุมชนต่างๆด้วย