วันที่ 30 กันยายน 2565 ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. และ พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนังและศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ร่วมในพิธีปิดศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ โดยมีคณะผู้บริหาร สธ. เจ้าหน้าที่สถาบันโรคผิวหนัง และประชาชนเข้าร่วมกว่า 1,000 คน
โดยช่วงสุดท้ายของพิธี ผู้บริหารได้ร่วมกันมอบดอกกุหลาบสีแดง และเหรียญ ‘Vaccine Hero‘ ให้กับหน่วยงานองค์กรภาครัฐ และเอกชน รวมถึงเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ และส่งเจ้าหน้าที่กลับบ้าน หลังจากศูนย์ฉีดวัคซีนดังกล่าวเปิดให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มาเป็นเวลา 1 ปีเศษ
นายอนุทิน ชาญวีรกุล กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่มีส่วนร่วมบริหารศูนย์ฉีดวัคซีน ซึ่งทางศูนย์แห่งนี้ได้ฉีดวัคซีนให้ประชาชนกว่า 6.5 ล้านโดส 3.3 ล้านคน มาถึงวันนี้กำลังจะปิดศูนย์ฉีดวัคซีนลงแล้ว แต่ก็เป็นความประทับและความปลาบปลื้มใจในภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นภายใต้สถานีรถไฟสถานีกลางบางซื่อ สำหรับการรับวัคซีนหลังจากนี้ ประชาชนสามารถเข้ารับการฉีดได้ในสถานพยาบาลทุกแห่งโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อไป
ส่วน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวเสริมว่า กรมการแพทย์มอบหมายให้สถาบันโรคผิวหนังดำเนินการให้บริการช่วยเหลือประชาชนโดยไม่จำกัดพื้นที่ที่อยู่อาศัย ไม่จำกัดสัญชาติ ให้ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงเข้าถึงได้ง่าย และนับจากนี้ประชาชนสามารถรับบริการฉีดวัคซันที่สถานบันโรคผิวหนัง หรือสถาบันใกล้บ้าน เพราะวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ยังเป็นทางออกสำคัญของวิกฤตการณ์นี้
ด้าน พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนังและศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ กล่าวว่า ด้วยวิสัยทัศน์ของรัฐมนตรีว่าการ สธ. ที่ต้องการให้การดำเนินการของศูนย์ฉีดวัคซีนเกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมความร่วมมือจากกระทรวงคมนาคม จึงขยายการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลถึงวันนี้ศูนย์ฉีดวัคซีนดำเนินการมาเป็นวันที่ 477 มีระดับความพึงพอใจของประชาชนสูงถึงร้อยละ 90
นับเป็นความสำเร็จและการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของความร่วมมือในการทำงานร่วมกันทั้งจิตอาสา เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม รวมทั้งสิ้น 251 องค์กร การถอดบทเรียนศูนย์วัคซีนบางซื่อนี้ จะเป็นหลักประกันที่มั่นคงว่าระบบสาธารณสุขของไทยมีความพร้อม มีศักยภาพเพียงพอในการรับมือและฝ่าวิกฤตโรคระบาดในอนาคตได้ และแม้จะมีการปิดศูนย์ฉีดวัคซีนนี้แล้ว แต่ก็ยังมีการเตรียมแผน 1 Day Re-activate รองรับกรณีที่จำเป็นต้องกลับมาเปิดใหม่ เช่น การระดมฉีดวัคซีนรุ่นใหม่ ซึ่งศูนย์ฉีดวัคซีนจะต้องเปิดได้ภายใน 1 วัน
ขณะที่นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย หนึ่งในองค์กรภาคเอกชนที่ได้เข้าร่วมสนับสนุนการให้บริการฉีดวัคซีนภายในพื้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ได้กล่าวถึงความรู้สึกว่า ความสำเร็จของความร่วมมือครั้งนี้ต้องยกย่องให้เครดิต พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ซุปเปอร์วูแมนตัวจริง ที่ตั้งแนวค่านิยม “Head Hand Heart” ทำงานด้วยสมอง สองมือ และหัวใจ” ซึ่งนอกจากแก้ไขปัญหาเรื่องวัคซีนได้เด่นชัด ยังได้ก่อเนื้อนาบุญ เนื่องจากผู้ประกอบการร้านอาหารภัตราคารในประเทศ ต่างมีพนักงานแรงงานต่างด้าวที่ต้องคอยดูแล ความช่วยเหลือของศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางในการมอบโควตา 100,000 โดส ถือเป็นความเมตตาที่ไม่เลือกปฏิบัติ แต่เรื่องมนุษยธรรมเป็นหลัก
พร้อมยังกล่าวเสริม ยกย่องบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข ยังได้สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้บริการ รวมทั้งรับฟังความเดือดร้อน ข้อเสนอแนะต่างๆ ที่ทางสมาคมภัตตาคารไทยได้เสนอให้พิจารณาเปิดให้นั่งรับประทานอาหารภายในร้านได้ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา จนทำให้ธุรกิจร้านอาหารได้ฟื้นคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ในพิธีปิดศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ครั้งนี้ ทางสมาคมภัตตาคารไทย ยังได้นำสมาชิกจากร้านอาหารชื่อดัง อาทิครัวเจ๊ง้อ, ครัวใบไม้, วิเศษไก่ย่าง, ร้านอาหารญี่ปุ่นอร่อยจัง-เทอริยากิ, แม่ศรีเรือน, แบล๊คแคนยอน, สีฟ้า, สหฟาร์ม, กล่องแสนศุข ฯลฯ มามอบกระเช้าแสดงความขอบคุณต่อผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงเข้ารับมอบเหรียญวัคซีนฮีโร่(Vaccine Hero) เพื่อเป็นอนุสรณ์เชิดชูเกียรติแห่งความร่วมมือในการฝ่าฟันวิกฤติโควิด 19 จนประสบความสำเร็จ ซึ่งทางสมาคมภัตตาคารไทยยังได้ยินยันพร้อมที่จะสนับสนุนภาครัฐในการเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศไทยต่อไป