ย้อนไปเมื่อประมาณ 60 ปีที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงทราบเรื่องและทอดพระเนตรเห็นผู้ป่วยโรคเรื้อนในที่สาธารณะ จึงมีพระราชดำริว่า จะต้องเร่งรีบช่วยเหลืออย่างจริงจัง หลังจากนั้นพระองค์ก็มีพระราชดำริให้กระทรวงสาธารณสุขจัดตั้งสถาบันราชประชาสมาสัย ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ป่วยโรคเรื้อนดีขึ้นเป็นอย่างมาก สอดคล้องกับที่มาของชื่อสถาบัน “ราชประชาสมาสัย” ซึ่งเป็นชื่อพระราชทาน อันมีความหมายลึกซึ้งว่า “พระมหากษัตริย์และประชาชน ย่อมพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน”
ในเวลาต่อมา ประเทือง แซ่เอี๊ย ลูกหลาน ผู้ป่วยโรคเรื้อน ของสถาบันราชประชาสมาสัย ชุมชน ปู่เจ้า หมู่ 7 ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอพระประแดง จ.สมุทรปราการ จัดว่าเป็นคนที่ปิดทองหลังพระ ตามรอยในหลวง รัชกาลที่ 9 ซึ่งย้อนไปเมื่อ ปี 2503 ประเทือง เป็นคณะกรรมการชมรมจิตอาสาเพื่อนช่วยเพื่อน(ตามรอยพ่อ) พร้อมด้วยผู้ป่วยโรคเรื้อน ได้ร่วมกันบูรณะอาคารราชประชาสมาสัย ซึ่งเป็นอาคารของพ่อหลวง
จากวันนั้นถึงวันนี้ ประเทือง แซ่เอี๊ย ไม่เคยลืมในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงสละทรัพย์ส่วนพระองค์ในการบูรณะอาคารราชประชาสมาสัย โดยเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2565 ทางสถาบันราชประชาสมาสัย ได้จัดงานน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งแน่นอนว่าประเทือง ไม่พลาดโอกาสที่จะแสดงความจงรักภักดีในงานครั้งนี้ โดยมีนายกเทศมนตรีเมืองปูเจ้าสมิงพราย ดร.สรรเกียรติ กุลเจริญ เป็นประธานเปิดงาน และประเทือง แซ่เอี้ย ประธานชมรมจิตอาสาเพื่อนช่วยเพื่อนตามรอยพ่อ จัดพิธีบำเพ็ญกุศลและวางพวงมาลาถวายบังคมเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่9 น้อมรำลึกถึงมหากรุณาธิคุณ ซึ่งในการจัดงานครั้งนี้ พันเอก เกียรติศักดิ์ พรมตวง เสนาธิการสำนักงานพัฒนาภาค 5 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ประพันธ์บทเสภา อันแสนซาบซึ้งตอนหนึ่งว่า
“เพราะวันนั้น ถึงมีวันนี้” ถ้าไม่มีวันที่พระองค์ท่านเสด็จมาให้ชีวิต ให้โอกาสแก่เหล่าพวกนิกรของพระองค์ในวันนั้น กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อน คงหมดหนทางที่จะดำเนินชีวิตได้ในสังคมได้เช่นนี้… เพราะวันนั้นถึงมีวันนี้ มีองค์กรต่างๆ หลายองค์กรที่มาร่วมกิจกรรมนี้ คุณทัศนีย์ ศรศิริ และคุณมิ่งขวัญ นาคบังลังค์ ร่วมวางมาลา
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ในการก่อสร้างอาคารสถาบันราชประชาสมาสัย โดยมีเงินสมทบจากราชวงศ์ ข้าราชบริพาร และประชาชน เพื่อช่วยก่อสร้างอาคารสถาบันราชประชา ไม่เพียงแต่ช่วยพลิกฟื้นชีวิตผู้ป่วยโรคเรื้อนที่เคยได้รับความเจ็บป่วยจากอาการของโรคให้มีอาการดีขึ้นเท่านั้น แต่ในด้านจิตใจของผู้ป่วยโรคเรื้อนก็เสมือนได้อยู่ภายใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ด้วยเช่นกัน เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ตรัสและเยี่ยมเยียนราษฎรที่ป่วยเป็นโรคเรื้อนอย่างใกล้ชิด ไม่ต่างจากครั้งเสด็จฯ ไปเยี่ยมราษฎร ณ ที่ไหน ๆ ส่งผลให้ผู้ป่วยโรคเรื้อนอยู่ร่วมกับบุคคลทั่วไปได้อย่างสบายใจขึ้น ไม่โดนดูถูก โดนรังเกียจ เหมือนในอดีต อีกทั้งเมื่อมีหน่วยงานอย่างสถาบันราชประชาสมาสัย ให้ความรู้เรื่องโรคเรื้อน มีการรักษา พร้อมด้วยวิธีป้องกันโรคเรื้อนอย่างจริงจัง ก็ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจโรคเรื้อนมากขึ้นด้วย ผู้ป่วยโรคเรื้อนทุกคนล้วนโชคดี ที่ได้อยู่ภายใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ท่าน พระผู้เสด็จสู่สวรรค์คาลัย สถิตในดวงใจคนไทยตราบนิจนิรันดร์