กรุงเทพฯ, 11 พฤศจิกายน 2022 – ก้าวสู่ปีที่ 9 อย่างยิ่งใหญ่ “PATTAYA GROUP ภายใต้การนำของ แม่ทัพใหญ่ นายทศพร อสุนีย์ ประธานบริหารกลุ่มบริษัทพัทยา จัดงาน “Pattaya Group Next to Beyond” ประกาศจุดยืนพร้อมพัฒนาก้าวต่อไปเติบโตสู่ระดับสากล ตั้งเป้าเสริมศักยภาพองค์กร ด้วยการขับเคลื่อนการลงทุนใน 2 กลุ่มธุรกิจใหม่ผ่านการ ร่วมทุน (Joint Venture : JV) และ การควบรวมกิจการ (M&A) เพื่อต่อยอดจากฐานธุรกิจหลักที่มั่นคง ซึ่งจะช่วยสร้าง New S-Curve ให้การขับเคลื่อนความยั่งยืนและการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบินอีกขั้น มั่นใจภายในปี 2023 กลุ่มบริษัทในเครือ รายได้รวมเติบโตเกิน 50% ปักหมุดต่อเนื่องในปี 2025 คาดการณ์สัดส่วนกำไรของ พัทยากรุ๊ป ตั้งเป้ากำไรจาก ธุรกิจการบินไม่ต่ำกว่า 30% ธุรกิจขนส่งภายในและต่างประเทศกว่า 40% ธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรม 20% และ ธุรกิจ New S-Curve อีก 10%
นายทศพร อสุนีย์ ประธานบริหารกลุ่มบริษัทพัทยา กล่าวว่า ในปี 2015 วงการอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย ได้มีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจทางด้านการบริการภาคพื้น ณ สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ภายใต้ชื่อ บริษัท พัทยา เอวิเอชั่น จำกัด เป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจและเติบโตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และในระหว่างการเดินทางตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ดำเนินธุรกิจ บริษัท พัทยา เอวิเอชั่น จำกัด ได้สยายปีกขยายธุรกิจ ในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน จวบจนปัจจุบันมีบริษัทในเครือ ทั้งสิ้น 8 บริษัทฯ ได้แก่
- บริษัท Pattaya Aviation เป็นธุรกิจหลัก ดำเนินธุรกิจทางด้านการบริการภาคพื้นแบบครบวงจรแก่สายการบินทั้งในและต่างประเทศ
- บริษัท Pattaya Air Cargo ดำเนินธุรกิจทางด้านการขนส่งทางอากาศภายในประเทศ
- บริษัท Pattaya Air Inter Cargo Solution ดำเนินธุรกิจทางด้านการขนส่งทางอากาศต่างประเทศ
- บริษัท Pattaya Ai Terminal ดำเนินธุรกิจทางด้านพัฒนาระบบและเทคโนโลยีที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน
- บริษัท Pattaya Aviation Training Center ดำเนินธุรกิจทางด้านการอบรมและพัฒนาทักษะบุคลากรด้านการบิน
- บริษัท Pattaya Global Management ดำเนินธุรกิจทางด้านการบริหารจัดการ โครงการของภาครัฐและเอกชน
- บริษัท Pattaya Hospitality Management ดำเนินธุรกิจทางด้านการบริหารโรงแรมและธุรกิจท่องเที่ยว
- บริษัท Pattaya Aviation Security ดำเนินธุรกิจทางด้านการรักษาความปลอดภัย ภายในสนามบินในประเทศ
และนอกจากนี้ บริษัทยังมีการปรับรูปแบบธุรกิจให้ทันสมัยมาโดยตลอด ซึ่ง Partner ล่าสุดคือบริษัท Aron Flying Ship KOREA โดยผู้บริหาร Aron : Mr.Hyun Wook CHO, ARON, Chief Executive Officer ได้มีการลงนาม ร่วมธุรกิจกับ “กลุ่มบริษัทพัทยา” ในธุรกิจ Wing-In-Ground Effect แห่งแรกของโลก ซึ่ง ARON M-Series มีความสามารถในการบินด้วย Ground Effect ที่สามารถประหยัดเชื้อเพลิงและมีความคล่องตัวมากขึ้นและสามารถปฎิบัติงานได้ในพื้นที่จำกัด และในสภาพอากาศที่รุนแรง เพิ่มความปลอดภัยในการหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง
ทางบริษัท ARON FLYING SHIP LTD.และ “กลุ่มบริษัทพัทยา” มีความมั่นใจในการที่ทางบริษัทจะสามารถนำอากาศยาน ARON M80 และเทคโนโลยีจากทางบริษัท ARON FLYING SHIP LTD เพื่อสนับสนุนปฎิบัติการช่วยเหลือสาธารณะภัยและกู้ภัยทางทะเล ว่าจะสามารถทำประโยชน์ และสามารถสร้างความเชื่อมั่นในและเพิ่มความปลอดภัย เพื่อทดแทนให้กับอากาศยานที่เคยให้บริการและจะให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในอนาคต ตามนโยบายของประเทศ ที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับการท่องเที่ยวของประเทศและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศต่อไป
ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาของ “กลุ่มบริษัทพัทยา” เริ่มต้นจากการเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจในส่วนของภาคพื้น ในท่าอากาศยาน (Ground Handling Service Provider) ซึ่งความสามารถในการขยายการเติบโตของเรา จะเกิดขึ้นไม่ได้หากขาด “บุคลากร” ผู้เป็นกำลังหลักของการขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้า ดังนั้นการก้าวไปข้างหน้าต่อจากนี้ เราจึงต้องเตรียมความพร้อม และ พัฒนาองค์กรให้แข็งแกร่งเพื่อก้าวสู่ในระดับสากล
โดยในปีนี้เรามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ กับก้าวสำคัญสู่ปีที่ 9 เราจึงจัด งาน “Pattaya Group Next to Beyond” ขึ้น เพื่อประกาศถึงความเข้มแข็งของกลุ่มบริษัทพัทยา รวมถึงการปรับตัวเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน และเตรียมความพร้อมรับมือกับวิกฤตในอนาคต โดยที่ผ่านมากลุ่มบริษัทพัทยาได้ก้าวผ่านสถานการณ์ที่เครื่องบินจอดสนิทพร้อมกันทั่วโลก อันเนื่องมาจากสาเหตุการระบาดของ โควิด-19 ซึ่ง กลุ่มบริษัทพัทยา ก็สามารถก้าวผ่านสถานการณ์นี้มาได้ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เรา สามารถผ่านอุปสรรคมาได้ คือ “บุคลากร” อันเป็นกำลังหลักในบริษัททุกคน สร้างความเชื่อมั่นให้ “กลุ่มบริษัทพัทยา” กล้าที่จะก้าวต่อไปในระดับสากล พร้อมร่วมมือกับ Global Partner แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อเติบโตและพัฒนาต่อไป ซึ่งเรามีบันได 4 ขั้น เป็นหลักการบริหาร ให้กับทุกบริษัทในเครือ คือ การเริ่มต้นดำเนินธุรกิจ ให้เข้าสู่มาตรฐานที่ดี รักษามาตรฐาน และสร้างมาตรฐานใหม่ ซึ่งทุกบริษัทภายในกลุ่มพัทยาเราใช้ Concept เดียวกันทั้งหมด
และเป้าหมายในปี 2023 ที่จะถึงนี้ พัทยากรุ๊ป ตั้งเป้ารายได้โต 50% มีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมอีก 3-5 บริษัท มุ่งเน้นไปที่การขับเคลื่อนการลงทุนใน กลุ่มธุรกิจใหม่ที่เสริมศักยภาพการเติบโต โดยอยู่ระหว่าง การศึกษาหลายโครงการ ถึงกลยุทธ์เชิงรุกทางธุรกิจของพัทยากรุ๊ปในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการต่อยอดมาจากรากฐานธุรกิจหลักที่มั่นคง และนอกจากจะช่วยสร้าง New S-Curve แล้ว ยังเป็นการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนและการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบินเติบโตไปอีกขั้น ด้วยกลยุทธและเป้าหมายที่ชัดเจน
สำหรับอีกหนึ่งก้าวสำคัญในปี 2025 เราคาดการณ์สัดส่วนและตั้งเป้าทำกำไรจาก ธุรกิจการบินไว้ที่ 30% ธุรกิจขนส่งภายในและต่างประเทศเติบโตที่ 40% ธุรกิจการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเติบโตที่ 20% และ ธุรกิจ New S-Curve อีก 10% นับเป็นความท้าทายอันยิ่งใหญ่ของ พัทยากรุ๊ป ที่เราจะรวมพลังกันก้าวไปสู่เป้าหมายอย่างสำเร็จแน่นอน นายทศพร อสุนีย์ ประธานบริหารกลุ่มบริษัทพัทยา กล่าวปิดท้าย
โดยบรรยากาศภายในการจัดงาน “Pattaya Group Next to Beyond” ฉลองการก้าวทะยานสู่ปีที่ 9 อย่างยิ่งใหญ่ของ “PATTAYA GROUP” ภายใต้การนำของ แม่ทัพใหญ่ นายทศพร อสุนีย์ ประธานบริหารกลุ่มบริษัทพัทยา เต็มไปด้วยความอบอุ่น กับการต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากทุก Global Partner รวมถึงบุคลากรในบริษัทพัทยากรุ๊ป ที่มาร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง ณ อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา นับเป็นการประกาศก้าวทะยานสู่ปีที่ 9 อย่างยิ่งใหญ่