หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดเริ่มคลี่คลายลง พฤติกรรมผู้บริโภคที่เคยเปลี่ยนไปจะย้อนกลับไปสู่ยุคก่อนโควิด หรือจะเปลี่ยนไปตลอดกาล ข้อมูลจากผลสำรวจ Global Consumer Insights Pulse Survey ของ PwC ที่วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 9,000 ราย จาก 25 ประเทศและอาณาเขต รวมทั้งประเทศไทย พบว่า ‘ผู้บริโภคยึดติดกับพฤติกรรมเดิมๆ น้อยลง’ กว่า 50% ของผู้บริโภคชาวไทย เปลี่ยนมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ในขณะที่ 24% เปลี่ยนไปซื้อสินค้าจากร้านค้าปลีกรายใหม่ ๆ ที่ตัวเองไม่ได้เป็นลูกค้าประจำ เพื่อให้ได้สินค้าที่ต้องการ
จากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของห่วงโซ่อุปทานที่ก่อให้เกิดการขาดแคลนของสินค้าหลายประเภท ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อ และระยะเวลาในการจัดส่งสินค้าที่นานขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคไม่ยึดติดกับการจับจ่ายสินค้ากับร้านค้าหรือช่องทางเดิมๆ อีกต่อไป เช่น มากกว่า 80% ของผู้บริโภคชาวไทย มีการซื้อสินค้าจากอย่างน้อย 3 ช่องทางในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ 47% ใช้เว็บไซต์เปรียบเทียบเพื่อดูว่า มีสินค้าที่พวกเขาต้องการหรือไม่ และ 30% ซื้อสินค้าจากหลาย ๆ แหล่งเพื่อให้ได้ของที่ต้องการ ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ ต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อดึงดูดลูกค้ารายใหม่ รวมถึงต้องทำให้ลูกค้าประจำยังคงกลับมาซื้อหรือใช้บริการในครั้งต่อไป ด้วยการทำการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ (Omni-Channel Experiences) เพื่อสร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ ที่จะเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ดังนั้น ‘การมี Option ให้เลือก’ จะเป็นวิธีในการช่วยเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ และการลงทุนด้านข้อมูล (Data) เพื่อทำความเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าในเชิงลึก จะช่วยให้แบรนด์พัฒนาบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงจุด
โลจิสติกส์ก็เป็นหนึ่งธุรกิจที่ต้องมีการปรับตัวเพื่อรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ที่มีความคาดหวังการบริการด้านโลจิสติกส์ที่ควบคุมได้ทุกมิติมากขึ้น เพื่อรวมโซลูชันตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ BEST Express (เบสท์ เอ็กซ์เพรส) ในฐานะผู้ให้บริการ รับ-ส่ง พัสดุด่วนทั่วไทย มีสาขาให้บริการกว่า 1,200 สาขา ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ ภายใต้การดำเนินการของ บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ได้ปรับตัวและพัฒนาบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ อาทิ บริการ BEST Fast Track ส่งพัสดุด่วนพิเศษถึงภายในวันถัดไป (Next Day Delivery), บริการ BEST Tracking Alert แจ้งเตือนสถานะพัสดุอัตโนมัติ (Automatic Tracking System) แบบ Real-time ผ่าน LINE Official Account ที่ลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะของพัสดุได้ทุกที่ทุกเวลา, บริการ BEST Multiple Parcel ส่งพัสดุหลายกล่องรวมกันใน 1 เวย์บิลสู่ปลายทางเดียวกัน ตอบโจทย์การส่งพัสดุแบบแยกชิ้นหลายกล่อง แต่จัดส่งรวมใน 1 เวย์บิลทำให้ง่ายต่อการติดตามพัสดุที่จัดส่งไปยังลูกค้าปลายทาง, บริการ BEST Big Parcelขนส่งพัสดุด่วนชิ้นใหญ่น้ำหนักปริมาตรสูงสุดถึง 300 กิโลกรัม สำหรับกลุ่มธุรกิจ B2B และ B2C เพื่อขยายฐานลูกค้ารายใหม่ที่ต้องการส่งพัสดุขนาดใหญ่ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีในส่วนธุรกิจเบสท์ซัพพลายเชน (BEST Supply Chain) สำหรับลูกค้าที่ต้องการบริการในด้านการบริหารจัดการคลังสินค้า หรือจะเป็นบริการโซลูชันดิจิทัลผู้ช่วยการขายออนไลน์ยุคใหม่แบบครบวงจรอย่าง ‘เบสท์ ซอฟต์แวร์ (BEST Software)’ ที่ทั่วโลกใช้กันในระดับสากลรวมถึงประเทศไทย เช่น ezOrder (อีซี่ออเดอร์), ezShop (อีซี่ช้อป) และ GWMS (Global Warehouse Management System) โดยในปีนี้ได้เร่งขยายเครือข่ายธุรกิจ การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Cross border) ให้ครอบคลุมทั่วเอเชียเพื่อรองรับการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต ด้วยการวางแผนที่จะเชื่อมโยง 4 ธุรกิจหลักของ BEST เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การให้บริการที่หลากหลายและครบวงจรมากที่สุด ที่มา: https://www.pwc.com/th/en/pwc-thailand-blogs/blog-20220725.html