เปิดปก…อกนักเขียน
โดย…ยอดเยาวพา
นามปากกา “Milady” ยังไม่คลอดงานใหม่ แต่ “คีตาในเรือนจันทร์” ตรึงใจนักอ่านจนวันนี้
ต้องบอกว่าพบกับนามปากกา “Milady” จากเรื่อง “คีตาในเรือนจันทร์” เจอในงานสัปดาห์หนังสือก็คว้ามาไม่ได้ดูว่ามีสองเล่มจบเลยต้องสั่งซื้อเล่ม 2 มา ที่ตัดสินใจซื้อเพราะชอบโปรยที่ว่า ผู่เย่ว ถูกซื้อตัวจากหอนางโลมมาเป็นของกำนัลให้ หวางเย่ อนุชาของฮ่องเต้ นายเอกมีความสามารถดีดพิณขั้นเทพ แต่เปิดเรื่องด้วยผู่เย่วถูกอนุบ่าวด้วยกันผลักจนล้มหัวกระแทกแล้วความจำเสื่อมไม่พอ จวนที่พักก็ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายแม้แต่อาหารการกิน พูดง่าย ๆ นายเอกหน้าสวยเลยถูกอนุของพระเอกอิจฉาแรงกลั่นแกล้งสารพัดจึงต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพด้วยการเอาของตัวเองและของเก่าที่เรือนที่เหมือนเป็นเรือนสำหรับทิ้งของใช้ลอบออกเอาไปขายโดยผ่านช่องสุนัขรอด แล้วเพื่อให้ตัวเองและบ่าวอีกสองคนมีกินจึงซื้อผักมากปลูก เลี้ยงไก่เพื่อกินไข่ ส่วนผู่เย่วก็ไม่งอมืองอเท้าออกไปรับจ้างดีดพิณ แต่แล้วด้ายแดงก็ดึงรั้งให้นายเอกได้เจอกับหวางเย่ สามีในนามของตน แต่นายเอกความจำเสื่อมจึงจำสามีไม่ได้และใช้หมวกม่านปิดบังใบหน้า เนื้อหาพาสนุก แม้ตอนแรกบรรยายความเป็นไปเป็นมาของนายเอกซะหลายหน้า แต่พอเรื่องเดินก็วางไม่ลงนะ อ่านไปก็ลุ้น เมื่อไหร่หวางเย่จะรู้ว่าผู่เย่วคือเมียอนุบ่าวที่ไม่เคยพบหน้า ไม่เคยให้ปรนนิบัติ แถมตกระกำลำบากเพราะหวางเย่มีเมียเยอะจึงเป็นเหตุของเรื่องราว แต่แล้วเจ้าแมวที่พลัดหลงเข้ามาในจวนหวางเย่ทำให้พระเอกได้เจอนายเอกซะที ดังคำว่าแรกพบสบตาทำให้หยวนอี้หลงใหลรูปโฉมของผู่เย่วถึงขนาดมาร่วมโต๊ะอาหารทุกมื้อจึงได้รู้ว่าเมียบ่าวอดมื้อกินมื้อมานานจึงได้สั่งลงโทษทุกคนที่รังแกนายเอก (ตบมือให้หวางเย่) แต่แล้วฮ่องเต้มีราชโองการให้หวางเย่นำเสบียงไปแจกผู้ประสบภัยต่างเมือง ก็มีอนุเสนอตัวร่วมเดินทางเพื่อไปปรนนิบัติสามี แต่กลายเป็นว่าหวางเย่ผู้กุมอำนาจในจวนเลือกพาผู่เย่วไปด้วย เหตุผลฟังขึ้นเพราะนายเอกเป็นผู้ชาย ครั้นเหล่าอนุได้ยินก็ส่งแรงอิจฉาแรงแต่ก็ไม่มีใครกล้าฮือกับเจ้าของจวน เรื่องราวเริ่มสนุกตอนหวางเย่ได้เจอนายเอกและยิ่งสนุกมากช่วงเดินทางไปแจกเสบียง ความสัมพันธ์ของหวางเย่กับผู่เย่วค่อย ๆ ลึกซึ้งถึงเนื้อถึงตัวขึ้น แม้แรก ๆ จะเกริ่นนายเอกหลายหน้าไปหน่อยแต่พอหวางเย่เจอผู่เย่วในคราบนักพิณทั้งลุ้นและสนุกปนตลกขำหลายฉาก แม้ NC โผล่เล่ม 2 พอผู่เย่วถูกหวางเย่กดก็กรี๊ดจ้า คีตาในเรือนจันทร์จึงเป็นอันดับหนึ่งของเรา รองลงมาเรื่อง “เงาแค้นสลักรัก” เรื่องราวความแค้นฝังลึกของ ชิวเพ่ยจือ แฝดชายคนพี่ที่สูญเสียน้องสาวจากผูกคอตายหนีการเป็นบรรณาการให้กับ หย่งเซิง จักรพรรดิแคว้นจ้าว ทำให้ชิวเพ่ยจือปลอมตัวเป็นน้องสาวฝาแฝดไปเป็นบรรณาการเพื่อฆ่าหย่งเซิงแก้แค้นให้ครอบครัว แต่คืนเข้าหอชิวเพ่ยจือตกเป็นของหย่งเซิง และด้วยความหลงใหลแม้จะรู้ว่าเพ่ยจือเป็นชายก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเก้าพระสนมเอกองค์จักรพรรดิ ทำให้หวงโฮ่วอยากเห็นความงามของชิวเพ่ยจือ มิหนำซำหวงโฮ่วถูกอ๋องเสวียนหลีขอร้องให้พาชิวเพ่ยจือมาพบที่ตำหนักโดยโกหกว่าเป็นคนรักแต่ถูกหย่งเซิงแย่งไป ทว่าความเคลื่อนไหวของนายเอกไม่รอดพ้นสายพระเนตรของจักรพรรดิแคว้นจ้าวเพราะได้ส่งเย่วซินมาดูแล อ๋องเสวียนหลีมอบปิ่นเคลือบยาพิษให้นายเอกเพื่อสังหารหย่งเซิง ทว่าชิวเพ่ยจือกลับทำไม่สำเร็จจึงถูกสั่งขังตำหนักเย็น และถูกอ๋องเสวียนหลีจะฆ่าปิดปากพร้อมสารภาพทุกอย่างว่าเป็นคนฆ่าน้องสาวของนายเอกและเป่าหูให้เจ้าเมืองแคว้นฉางส่งน้องสาวนายเอกมาเป็นบรรณาการเพื่อลอบฆ่าหย่งเซิงหวังชิงบัลลังก์ แต่น้องสาวนายเอกท้องกับอ๋องเสวียนหลีจึงหมดประโยชน์เลยถูกฆ่าทิ้ง พอชิวเพ่ยจือรู้ความจริงแทบคลั่งและเกือบเสียท่าตกเป็นของอ๋องเสวียนหลี โชคดีที่หย่งเซิงไปช่วยทันก่อนนายเอกจะตกเป็นของอ๋องชั่ว กรรมได้ตามสนองอ๋องชั่วโดยถูกหย่งเซิงฆ่าตายโทษฐานกล้าแตะต้องคนของเขา นึกว่าตัวร้ายตายจะจบแฮปปี้ ยังจ้า ยังมีความหน่วงตอนท้ายต้องไปหาคำตอบกันเอาเองนะ คราวนี้มาถึงเรื่องสุดท้ายเป็นแนวแอ็กชัน สืบสวนสอบสวนเรื่อง “6 วันอันตราย” เพราะมรดกห้องชุดทำให้ มิคเคล เกือบตายเพราะตัวร้ายต้องการสมบัติที่คุณตาทวดขโมยมาจากเยอรมันตอนแพ้สงคราม ครั้งแรกที่มิคเคลโดนเด็กยิปซีล้วงกระเป๋าดีที่ณองมาช่วยและจับเด็กล้วงกระเป๋าส่งตำรวจและได้กระเป๋าสตางค์คืน แต่หลังจากนั้นก็มีเรื่องร้ายเข้ามาหามิคเคลขนาดคนร้ายรื้อค้นห้องชุดและบุกเข้าไปห้องพักมิคเคลในโรงแรมที่พัก ทำให้ณองชวนมิคเคลมาอยู่ที่ห้องด้วยเพื่อความปลอดภัย มิคเคลเกิดความไว้ใจ และความรักต่อณองโดยไม่รู้ตัว ด้วยความรักทำให้นายเอกยอมเป็นของพระเอกด้วยความเต็มใจ เลิฟซีนน้อยที่สุดในสองเรื่องที่อ่าน แต่หน่วงใจตรงเมื่อทุกอย่างเปิดเผย มิคเคลรู้ว่าแท้จริงแล้วณองเป็นตำรวจสากล ส่วนทนายอองรีกลับเป็นหัวหน้าตัวร้ายที่วางแผนทั้งหมด ท่ามกลางความเสี่ยงที่มีทั้งระเบิด ลูกปืนมิคเคลได้เจอคนที่รักและได้เจอจดหมายที่คุณตาทวดเขียนถึงลูกสาวอ่านไปอึน ซึมสงสารคุณตาทวดที่ต้องฆ่าคนอื่นเพื่อปกป้องครอบครัวแต่กลับถูกลูกสาวเกลียด ซึ่ง 9 ตอนเนื้อหาเนือยพาง่วงแต่มาสนุกชวนติดตามตอนที่ 10 และซ่อนความซับซ้อนปมเงื่อนไว้หลายชั้นจนถึงตอนจบเลย คราวนี้มาทำความรู้จักเจ้าของผลงาน 3 เรื่อง 3 รสชาติ “สุจิรา เตชะสัมพันธ์” เล่าถึงอาชีพหลักและการก้าวสู่วงการนักเขียนว่า
“ชื่อเล่น ออมมี่ค่ะ ปัจจุบันทำงานเป็นบรรณาธิการค่ะ นิยายที่เขียนเป็นนิยายวายเรื่องแรกได้ตีพิมพ์คือนิยายที่ประกวดกับ สนพ.นาบูค่ะ ชื่อเรื่อง “เงาแค้นสลักรัก” ได้รางวัลรองอันดับหนึ่ง พอได้รางวัลก็เลยได้ตีพิมพ์ค่ะ ตอนนั้นออกกับ สนพ. Fireworks ที่เป็นสนพ.เครือเดียวกับนาบู ที่ส่งประกวดเพราะตอนนั้นคือบังเอิญเปิดไปเจอว่าสนพ.กำลังจัดโครงการประกวดนิยายนาบูครั้งที่ 6 หัวข้อ…”ดรามาพิศาล” พออ่านหัวข้อแล้วแบบปิ๊งเลย คือรู้สึกว่าน่าจะเขียนได้นะ ก็เลยลองเขียนดูค่ะ เสียดายที่มาเห็นช้าไปหน่อย เลยมีเวลาเหลืออีกแค่หนึ่งเดือน ทำให้ต้องรีบเขียน ตอนนี้เอามานั่งอ่านก็รู้สึกว่ายังขาดอะไรอีกเยอะค่ะ ต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ แต่ก่อนส่งประกวดเรื่องนี้เคยเขียนลงธัญวลัยสมัยเป็นเด็กน้อยค่ะ เรื่องจอมใจจักรพรรดิ แต่นานมากแล้ว ตอนนี้ปิดตอนอยู่ค่ะ กำลังเอามารีไรต์ แล้วลง ReadAWrite แต่เปลี่ยนชื่อเป็น ‘วิวาห์ในม่านฝน’ ค่ะ เพราะกะว่าจะรื้อแล้วเขียนใหม่เลย เรื่องนี้เขียนสมัยเด็ก ตอนนั้นยังเขียนบรรยายไม่เก่งค่ะ เป็นจุดอ่อนของเราเลย สังเกตว่าถ้าชอบเขียนนิยายแนวแชตตามสมัยนิยมจะมีจุดอ่อนคือไม่เก่งในการบรรยายหรืออธิบายพรรณนาอะไรยาว ๆ ค่ะ สมัยเด็ก ๆ ก็จะชอบเขียนแนวตบจูบนี่แหละค่ะ (555) ถ้าสมัยนี้คงเรียกว่าแนวพระเอกโบ้ มี NC เยอะ แต่พอโตมาหน่อยก็มีวุฒิภาวะมากขึ้น เริ่มเปลี่ยนแนวนิยายที่ชอบอ่าน ทำให้ส่งผลต่อการเขียนด้วยค่ะ การเขียนนิยายเรื่อง ‘คีตาในเรือนจันทร์’ ตอนนั้นคือเราต้องการท้าทายตัวเองค่ะ อยากฝึกเขียนบรรยายที่ไม่ถนัดเพื่อแก้จุดอ่อนของเรา ถ้าอ่านคีตาช่วงแรก ๆ จะสังเกตเห็นว่าบรรยายเยอะมาก แทบไม่มีบทสนทนา แล้วก็อยากชาเลนจ์ตัวเองด้วยค่ะ คืออยากพิสูจน์ว่านิยายสนุกไม่จำเป็นต้องมี NC เยอะ ถ้าคนอ่านสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าคีตาในเรือนจันทร์เล่มแรกแทบไม่มี NC เลย
ความจริงเป็นคนชอบอ่านนิยายแนวสืบสวนสอบสวน ดังนั้นในนิยายที่เขียนเกือบทุกเรื่องจะมีกลิ่นอายสืบสวนนิด ๆ หน่อย ๆ มีอะไรให้ต้องไขปริศนา อย่าง เงาแค้นสลักรัก ถึงจะเป็นแนวตบจูบ แต่ก็มีปมบางอย่างที่จะหักมุมหลายรอบค่ะ เรื่องที่สองที่ได้ตีพิมพ์คือเรื่อง 6 วันอันตราย ชื่อเรื่องก็บอกว่าอันตราย ดังนั้นจึงเป็นแนว suspense เรื่องนี้ออกแนวไพรัชนิยาย ทั้งฉากและตัวละครจะอยู่ต่างประเทศหมดเลย ตอนที่เขียนยังทำงานเป็นแอร์โฮสเตสอยู่ ก็เลยเอาประสบการณ์ในการเดินทางใส่ลงไปในนิยายค่อนข้างเยอะค่ะ เพราะเป็นคนไม่ชอบนั่งเทียนเขียนนิยาย เวลาจะเขียนนิยายต้องทำการบ้านหาข้อมูลก่อน เลยชอบใส่ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงลงไปมากกว่า เรื่องที่สามก็คีตาในเรือนจันทร์ค่ะ เรื่องนี้จะเบา ๆ ตลก ๆ หน่อย มีฉากหวาน ๆ เยอะ แต่ก็มี hint ให้คนสงสัยเหมือนเดิม เป็นคนชอบหย่อน hint แล้วมาเฉลยทีหลังค่ะ นักอ่านบางคนอ่านแล้วจับได้ก็พอเดาได้ก็มี แต่เดาถูกไหมก็อีกเรื่องค่ะ ด้วยความที่เขียนมาหลายเรื่อง แต่เป็นแนวจีนพีเรียดซะเยอะคนเลยคิดว่าเราถนัดเขียนจีนพีเรียด ความจริงแนวอื่นก็เขียนได้นะคะ แค่ไม่มีเวลาเขียน แล้วก็ยังไม่มีอารมณ์ (มีความติสต์แตกมากค่ะ555)
พระเอกนายเอกที่นักอ่านพูดถึงต้องมอบมงให้หวางเย่อึปลาทองกับน้องผู่เย่ว ของเราค่ะ ด้วยความที่เนื้อหามันค่อนข้างตลก (ยอมรับอ่านไปมีขำ) นายเอกก็น่ารักสู้ชีวิต คนอ่านเลยชอบเยอะค่ะ พระเอกแอบกวน ๆ ด้วย เวลาเขียนเราก็อารมณ์ดีตาม ตอนนั้นจำได้ว่าอ่านคอมเมนต์คนอ่านคือใจฟูมาก และเรื่องคีตาในเรือนจันทร์นี่เขียนตั้งแต่ยังไม่ท้อง จนท้อง จนคลอด (555) เพราะเรื่องนี้เป็นพีเรียดจีน ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกับเชื้อพระวงศ์นิดหน่อย ทำให้ต้องทำการบ้านเยอะค่ะ อย่างเรื่องยุคสมัย ขันที อะไรพวกนี้ นักอ่านที่ตามอ่านในเด็กดีจะรู้ว่าใส่ฟุตโน้ตละเอียดมาก จนคนอ่านบอกเสียดายถ้าตอนรวมเล่มไม่อธิบาย reference แบบนี้ แต่ก็ต้องตัดออกบ้างค่ะ เพราะมันยาวเกินไปจริง ๆ แล้วความจริงช่วงเขียนคีตาคืออารมณ์ดีมากเลยนะ เพราะเนื้อหามันตลกด้วยมั้ง เวลาเขียนเลยค่อนข้างมีความสุข แต่พอท้องคือง่วงนอนมาก ขี้เกียจมาก นอนทั้งวัน ก็เลยไม่มีแรงเขียนค่ะ สรุปก็หยุดไป แล้วตอนคลอดคือดันคลอดก่อนกำหนด ซึ่งเพิ่งท้องได้ 30 สัปดาห์เองค่ะ พอน้องออกมาหนักแค่ 1.7 กิโลกรัมเอง ก็เลยไม่ค่อยแข็งแรง เราก็ต้องปลุกปล้ำกับนางเป็นปีเลย กว่าจะขุนให้อ้วนได้ ที่กลับมาเขียนต่อเพราะทางสนพ.B2S ติดต่อมาค่ะ บอกต้องรีบเขียนก่อนหมดสัญญา
ข้อนี้ไม่ถามไม่ได้เจอสถานการณ์โควิดกระทบชีวิตประจำวัน กระทบงานหรืองานเขียนมากน้อยแค่ไหน? อันนี้กระทบแรงค่ะ เดิมเป็นแอร์โฮสเตส พอไม่มีบิน ก็ไม่มีงาน ไม่มีเงิน (555) แล้วปกติเวลาเขียนนิยายชอบไปเขียนที่ต่างประเทศค่ะ พอต้องอยู่บ้านเป็นปี ๆ ก็หมดไฟ ไม่มีอารมณ์เขียน พล็อตมีในหัวเป็นร้อย แต่เขียนไม่ออกค่ะ ติสต์แตกตลอดเวลา สุดท้ายก็เลยตัดสินใจลาออกจากงานค่ะ เพราะรู้สึกว่าปล่อยให้ชีวิตไร้ค่าต่อไปไม่ไหว ออกมาหางานทำ แต่งานสายบริการก็ได้รับผลกระทบจากโควิดกันหมด ก็ลองสมัครทำบรรณาธิการนิยายดูค่ะ ปรากฏว่าทำเทสผ่าน จากเขียนเองก็เปลี่ยนมาแก้งานให้คนอื่นแทน ก็สนุกดีค่ะ ได้อ่านนิยายที่ชอบอ่าน สำหรับออมมี่ถ้าเวลาจะเขียนนิยายสักเรื่องปกติจะเขียนทรีตเม้นท์ก่อนค่ะ เราก็เขียนโครงเรื่องคร่าว ๆ ไทม์ไลน์คร่าว ๆ เหตุการณ์ไหนจะเกิดเมื่อไหร่ อะไรเป็นจุดเปลี่ยนจุดพลิกผัน ทิ้งปมอะไรไว้ ต้องกลับไปแก้ไปเฉลยตรงช่วงไหน อะไรแบบนี้ค่ะ ดังนั้นจึงไม่ค่อยออกทะเล เพราะเรามีพล็อตไว้หมดแล้ว สังเกตว่าคนที่เขียนออกทะเลน่าจะเป็นเพราะไม่มีพล็อตค่ะ เขียนตามอารมณ์ มันก็จะไหลไปเรื่อย ๆ พอเราไม่มีกรอบ มันก็จะออกทะเลไปค่ะ
ส่วนตัวออมมี่อ่านทุกแนวค่ะ เป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก ที่บ้านมีห้องสมุดสามห้อง พวกสารานุกรมอะไรพวกนี้ก็อ่านค่ะ ประวัติศาสตร์ สารคดีก็ชอบ สมัยเด็ก ๆ เริ่มอ่านจากวรรณกรรมเยาวชนค่ะ ของเอนิด บลายตัน แล้วก็เรื่อย ๆ มาเลย เพชรพระอุมา, ดาวินชี่โค้ด, จีนแจ่มใส วายนี่อ่านจากมังงะก่อนค่ะ อ่านตั้งแต่สมัยที่ต้องแอบซื้อขาย (555) จนตอนนี้คือวงการวายพัฒนามากค่ะ ขึ้นมาอยู่บนดินแล้ว แอบดีใจมาก ปลื้มปริ่ม(ยิ้มกว้าง) และเสน่ห์ของวายคงเป็นความรักที่สวยงามไม่จำกัดเพศ เพราะงานเก่าของเราทำให้เจอคนประเภทนี้เยอะ เราก็เลยรู้สึกว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรัก ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไรก็ตามค่ะ เรารักกันที่หัวใจ ที่ข้างใน ที่ความคิด ยิ่งเวลาเจอคู่ที่เขาหน้าตาดีทั้งคู่เราก็จะแอบฟินค่ะ (555) ก่อนเขียนวายความจริงเริ่มจากแปลนิยายเถื่อนลงเด็กดีค่ะ (555) ลงให้อ่านฟรี ตอนนั้นแปล ท่านแม่ทัพต้องกอดแล้วจึงจะหลับ คนตามอ่านเยอะมาก พอติดลิขสิทธิ์ก็ลบไปค่ะ หลังจากนั้นเลยหันมาเขียนนิยายแทน
สำหรับนิยายล่าสุดยังไม่มีค่ะ เพราะไม่ได้เขียนนิยายนานมากแล้วค่ะ คืองานยุ่งมากไม่มีเวลา งานเก่า ๆ ก็หมดลิขสิทธิ์กับสนพ.เดิม เขาก็ถามว่าจะให้ลงอีบุ๊กต่อไหม แต่เราขอให้ถอดออกมาก่อนค่ะ เพราะอยากมารีไรต์ใหม่ ตอนนี้คีตาในเรือนจันทร์จ้างพิสูจน์อักษรเสร็จแล้ว เลยลงใน MEB ก่อนค่ะ มีโครงการอาจลงที่อื่นด้วย แต่ขอมีเวลาว่างก่อนนะ ส่วนเรื่อง ‘เงาแค้นสลักรัก’ กับ ‘วิวาห์ในม่านฝน’ กำลังรอรีไรต์อยู่ค่ะ และ ‘6 วันอันตราย’ ก็รอจ้างวาดปก ถ้าทำอะไรเสร็จแล้วก็จะลงอีบุ๊กค่ะ แต่ถ้าใครอยากได้รูปเล่ม ‘คีตาในเรือนจันทร์’ กับ ‘6 วันอันตราย’ ก็ติดต่อที่เพจ Milady’s Novel ใน facebook ได้นะคะ ยังพอมีเหลือค่ะ ส่วนตัวเล่มเงาแค้นสลักรัก นี่คือหมดเกลี้ยงจริง ๆ ขนาดของที่เราเก็บไว้อ่านส่วนตัวยังโดนคนยืมไปแล้วไม่คืนเลยค่ะ ตอนนี้เลยไม่มีอยู่กับตัวเลยสักเล่ม เสียดายมากค่ะ นามปากกาตอนนี้จะใช้ Milady ตลอดแล้วค่ะ เพราะหมิ่นเอ๋อร์ติดลิขสิทธิ์นามปากกากับทางนาบูด้วย นิยายจะลงใน ReadAWrite กับเด็กดีเป็นหลักค่ะ แต่อาจลงใน Mareads เพิ่มในอนาคต ขอไปศึกษาก่อนค่ะ พอดีค่อนข้างโลวเทค อนาคตอาจเขียนนิยายอีก แต่ขอมีเวลากับมีแรงบันดาลใจก่อนค่ะ ช่วงโควิดไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เหี่ยวแห้งมากค่ะ (555)”
คำถามนิยายของนามปากกา “Milady” มีผลงานเรื่องไหนที่ใช้นามปากกานี้
ทราบคำตอบเขียนใส่ไปรษณียบัตร พร้อมชื่อ- ที่อยู่ – เบอร์โทรศัพท์และคำตอบให้ชัดเจน ส่งมาที่
#คอลัมน์เปิดปก…อกนักเขียน 32/15 ซอยลาดพร้าว 23 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
ขอบคุณนักเขียนนามปากกา “Milady” ที่สนับสนุนนิยาย 10 เล่ม เป็นรางวัลทายปัญหา
หมดเขตส่งคำตอบในวันที่ 30 เมษายน 2566