กรมการค้าภายใน เดินหน้านำผู้ประกอบการที่มีศักยภาพเข้ารับซื้อมะม่วงน้ำดอกไม้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นฤดูกาล ปริมาณการรับซื้อรวมแล้วกว่า 7,500 ตัน ในราคานำตลาด ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลของผลไม้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อกระจายออกสู่ตลาดปลายทางที่มีความต้องการสูง ผ่านกลไก “อมก๋อยโมเดล” ภายใต้โครงการ “Fruit Festival 2023” ดันราคามะม่วงปีนี้อยู่ในเกณฑ์ดีกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในขณะนี้มะม่วงน้ำดอกไม้เริ่มออกสู่ตลาดแล้วตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.66 กรมฯ จึงได้นำทัพผู้ประกอบการเข้ารับซื้อมะม่วงน้ำดอกไม้ ในราคานำตลาด จากกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่แหล่งผลิตขนาดใหญ่ ได้แก่ จังหวัดพิจิตร และจังหวัดพิษณุโลก ปริมาณรวม 7,500 ตัน และจะขยายเข้ารับซื้อในจังหวัดอื่นๆ เพิ่มเติม หากมีผลผลิตออกมากหรือล้นตลาด หวังช่วยหาตลาดรองรับผลผลิตให้กับพี่น้องเกษตรกร อาทิ จะจัดให้มีการเปิด Pre-order มะม่วง ผ่านนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ และนำไปเปิดจุดจำหน่ายในห้างท้องถิ่นทั่วประเทศ แหล่งชุมชนต่างๆ ที่ยังมีพื้นที่ให้ได้เข้าถึง เนื่องจากตลาดปลายทางมีความต้องการบริโภคมะม่วงสูงพร้อมทั้งยังได้เตรียมความพร้อมจะให้มีการจัดงาน “Fruit Festival 2023” อย่างยิ่งใหญ่เป็นปีที่ 2 เพื่อรณรงค์และกระตุ้นให้มีการบริโภคผลไม้เพิ่มขึ้นต่อไปในอนาคต
จากการที่กรมฯ ได้นำผู้ประกอบการเข้าไปรับซื้อผลผลิตมะม่วงฟ้าลั่น ตั้งแต่ต้นฤดูและกระจายออกนอกแหล่งผลิตอย่างรวดเร็วนั้น ส่งผลให้ราคามะม่วงน้ำดอกไม้ เกรด AB ปัจจุบันอยู่ที่ 20-25 บ./กก. สูงกว่าปีที่ผ่านมาที่ 15-20 บ./กก. เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 มะม่วงน้ำดอกไม้ เกรด C ปัจจุบันอยู่ที่ 15-20 บ./กก. สูงกว่าปีที่ผ่านมาที่ 10-15 บ./กก. เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 มะม่วงน้ำดอกไม้ เกรดส่งออก ปัจจุบันอยู่ที่ 40-50 บ./กก. สูงกว่าปีที่ผ่านมาที่ 40-45 บ./กก. เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ส่วนมะม่วงฟ้าลั่น ปัจจุบันอยู่ที่ 9-10 บ./กก. สูงกว่าปีที่ผ่านมาที่ 6-7 บ./กก. เพิ่มขึ้นร้อยละ 46
ซึ่งที่ผ่านมา คาดการณ์ว่าปริมาณผลผลิตมะม่วงในภาพรวมจะมีปริมาณรวม 1.34 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4% กรมฯ จึงได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ลงพื้นที่ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เพื่อติดตามสถานการณ์การผลิตมะม่วง และได้เดินหน้าโครงการ “อมก๋อยโมเดล” ควบคู่ไปกับโครงการ “Fruit Festival 2023” พร้อมกัน เพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วง ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลผลิตปี 2566 โดยได้นำผู้ประกอบการผู้ส่งออก และห้างค้าส่ง-ค้าปลีก จำนวน 12 ราย ได้แก่ ห้าง แม็คโคร บิ๊กซี โลตัส เดอะมอลล์ และ ท็อปส์ บริษัท เรด เลม่อน จำกัด บริษัท เอ็ม ที ฟรุ๊ตแลนด์ จำกัด บริษัท นานา ฟรุ๊ต จำกัด บริษัท สตูดิโอ จีบาร์ จำกัด บริษัท แอลเคมมิสท์ จำกัด บริษัท มิสเตอร์ฟรุ๊ตตี้ จำกัด และบริษัท วัน พิษณุโลก จำกัด รับซื้อผลผลิตมะม่วงปริมาณกว่า 16,000 ตัน ในราคานำตลาดจากเกษตรกร จำนวน 10 กลุ่ม 7 อำเภอ 2 จังหวัด ได้แก่ จ.พิจิตร กลุ่มแปลงใหญ่มะม่วง อ.สากเหล็ก (ต.คลองทราย ต.วังทับไทร) อ.เมือง (ต.บ้านบุ่ง) อ.ดงเจริญ (ตำบลสำนักขุนเณร) อ.วังทรายพูน (ต.หนองปลาไหล ต.วังทรายพูน) และจ.พิษณุโลก กลุ่มแปลงใหญ่มะม่วง อ.เมือง (ต.บ้านคลองวังเรือ) อ.วังทอง (ต.ชัยนาม) อ.เนินมะปราง (ต.บ้านวังน้ำบ่อ ต.บ้านลำภาศ)
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้เชื่อมโยงผู้ประกอบการในส่วนท้องถิ่น เช่น ชมรมทายาทท้องถิ่น เข้าไปรับซื้อมะม่วงจากเกษตรกร แล้วนำมาเปิดจุดจำหน่ายในห้างท้องถิ่นทั่วประเทศ และเข้าไปรับซื้อเพื่อนำมาจำหน่ายในโมบายพาณิชย์ 100 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร (กทม.) ด้วย และได้ดำเนินการเปิดจุดจำหน่ายภายใต้ชื่อ “Fruit Festival 2023” ไปแล้ว ประกอบด้วย อุดรธานี และหนองคาย
และก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำมาตรการบริหารจัดการผลไม้เชิงรุกปี 2566 ตามนโยบายของท่านรองนายกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) โดยมีมาตรการทั้งสิ้น 22 มาตรการ ดูแลตั้งแต่การผลิต การตลาดในประเทศ ต่างประเทศ และด้านกฎหมาย เพื่อดูแลผลผลิตผลไม้ที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดประมาณ 6.78 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 3% โดยได้เตรียมมาตรการหาตลาดล่วงหน้าไว้รวมกว่า 700,000 ตัน และตั้งเป้าผลักดันการส่งออกผลไม้สดและแปรรูป 4.44 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 10% รวมทั้งได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น ผู้ประกอบการผลไม้ ผู้แทนเกษตรกร ห้างค้าปลีก-ค้าส่ง สถานีบริการน้ำมัน โลจิสติกส์ สายการบิน ผู้แทนสถาบันการเงิน เพื่อเตรียมพร้อมมาตรการดูแลผลไม้ ปี 2566 ไว้แล้ว