บอร์ด THIP เคาะแต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ ‘เอกพล พงศ์สถาพร’ กุมบังเหียน บมจ. ทานตะวันอุตสาหกรรม พร้อมแต่งตั้ง ‘พจนารถ ปริญภัทร์ภากร’ จาก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ขึ้นเป็น ประธานกรรมการบริหาร มีผล 1 พ.ค.นี้ เสริมความแข็งแกร่ง รุกสร้างธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน หลังโชว์ฟอร์มปี’ 65 สร้างสถิตินิวไฮรายได้ 4,128.53 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ฟากบอร์ดเคาะข่าวดี จ่ายปันผล 1.75 บาท / หุ้น
บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ THIP เปิดเผยข้อมูลจากรายงานมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการแต่งตั้ง ‘นายเอกพล พงศ์สถาพร’ เข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO คนใหม่ แทน ‘นางพจนารถ ปริญภัทร์ภากร’ ที่จะเปลี่ยนจาก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ขึ้นเป็น ประธานกรรมการบริหาร โดยโครงสร้างใหม่นี้ มีผลอย่างเป็นทางการวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป
นายไพรสัณฑ์ วงศ์สมิทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ THIP ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์คุณภาพระดับสากล เปิดเผยว่า “การปรับเปลี่ยนดังกล่าว เป็นไปตามแผนปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจ ให้สอดรับกับสถานการณ์โลก และรองรับความท้าทายในอนาคต โดยบริษัทฯ และผู้บริหารจึงต้องพร้อมปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพ คล่องตัว และบรรลุเป้าหมาย เชื่อมั่นการปรับเปลี่ยนดังกล่าว จะมีส่วนช่วยผลักดันธุรกิจให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน”
โดยคณะกรรมการบริษัทฯ ล้วนเห็นพ้องต้องกันว่า ‘นายเอกพล พงศ์สถาพร’ ในฐานะผู้นำองค์กรคนใหม่ มีความพร้อมในการบริหารงานอย่างมืออาชีพ รวมทั้งมีศักยภาพ และประสบการณ์จากหลากหลายองค์กรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ มามากกว่า 20 ปี พร้อมที่จะขับเคลื่อน ‘ทานตะวันอุตสาหกรรม’ ให้เติบโตและแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน โดยจะเข้ามาขับเคลื่อนองค์กร ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี มีธรรมาภิบาล รวมทั้งคำนึงถึงสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม และนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้จัดงานประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 โดยมีมติอนุมัติทุกวาระตามที่คณะกรรมการเสนอ พร้อมรายงานผลการดำเนินงานในปี’ 65 พบว่า มีรายได้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 4,128.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.73% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ที่มีรายได้รวม 3,797.09 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 363.05 ล้านบาท ลดลง 5.16% ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ พร้อมทั้งอนุมัติการจ่ายเงินปันผล ในอัตราหุ้นละ 1.75 บาท หรือคิดเป็นจำนวนเงินรวม 157,499,450.50 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 สะท้อนความเชื่อมั่นธุรกิจเติบโตและมีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ