หนังดีติดดาว ***

หนังดีติดดาว ***

              “Ride On ควบสู้ฟัด” แจ็คกี้ ชานกลับมาท็อปฟอร์มของจริง!! ขึ้นแท่นภาพยนตร์อันดับ 1 ครองแชมป์ 2 สัปดาห์ซ้อนในจีน เรื่องราวในการถ่ายทอดชีวิตเบื้องหลังการทำงานของสตันท์แมน เหล่าหลัว (แจ็คกี้ ชาน) อดีตสตันท์แมนตกอับที่มีม้าคู่ใจสายพันธุ์ม้าเซ็กเธาว์ชื่อว่าเจ้า “กระต่ายแดง” ที่ใคร ๆ ก็ต่างบอกว่าขายใช้หนี้เถอะ นั่นทำให้เขาจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากลูกสาวที่ห่างเหิน (หลิวฮ่าวฉุน) และแฟนทนายความของเธอ (กัวฉีหลิน) อย่างไม่เต็มใจ แต่โชคยังเข้าข้างเมื่อเขาและเจ้ากระต่ายแดงได้รับโอกาสที่จะได้กลับไปยืนในฐานะของสตันท์แมนแถวหน้าสำคัญอีกครั้งโดยไม่คาดคิด เขาจำเป็นต้องเลือกระหว่างงานเส้นทางในวงการกับครอบครัวอีกครั้ง

              พอพีอาร์ส่งข่าวมาก็ไลน์กลับไปบอกว่าอยากดูมาก เป็น fc ผลงานของแจ็คกี้ ชานมานาน นานจนรู้ว่าต้นปีจะมีหนังมาให้เราได้ดูผ่อนคลายสมอง เพราะหนังของแจ็คกี้ ชานจะไม่มียิงกันเลือดสาดเหมือนต้องการจับกลุ่มเด็ก โดยหนังเปิดเรื่องมาก็พายิ้มกับความน่ารักของเหล่าหลัว (แจ็คกี้ ชาน) อดีตสตันท์แมนตกอับกับกระต่ายแดงที่มาปลุกพ่อด้วยการดึงผ้าห่มออกจากตัวได้น่ารัก เหล่าหลัวไปกองถ่ายก็จะมีกระต่ายแดงไปด้วย เขารักเสมือนลูก ได้เห็นความรักความผูกพันของพวกเขา ดูไปอมยิ้มไป กระทั่งมีทนายโผล่มาจะยึดกระต่ายแดงเพราะเป็นสมบัติของเพื่อนที่ยกมันให้ตอนเกิด ถ้าไม่ได้เหล่าหลัวชุบชีวิตตอนเกิดมาลืมตาดูโลกกระต่ายแดงคงถูกการุณยฆาตไปแล้วเพราะมันขาขวาพิการ แต่เหล่าหลัวนำมาเลี้ยงและดูแลจนกระต่ายแดงเดินได้อย่างสง่า สัตว์ใครว่ามันไม่มีชีวิตไม่มีหัวใจ ฉากที่กระต่ายแดงคุกเข่าขอบคุณเหล่าหลัวพาเราและคนข้าง ๆ ซึ้งน้ำตาไหล ต้องยอมรับว่าเขาฝึกม้าที่ไม่ใช่ม้าสตันท์ได้ดีมาก พาเราเชื่อ กับฉากแอ็กชันเสี่ยงตายที่ต้องเล่นคู่กันก็ทำได้เนียนหรือฉากมีมุกตลกก็พากขำความฉลาดของม้า สำหรับเนื้อหาตีแผ่อาาชีพสตันท์แมนทั้งคนทั้งม้าว่าเสี่ยงตายมาก ๆ และได้รวบรวมภาพการเป็นสตันท์แมนของแจ็คกี้ ชานกับหนังที่ผ่าน ๆ มา เห็นแล้วสงสารเห็นความทุ่มเทกว่าจะออกมาเป็นหนังแต่ละเรื่องเขาต้องเจ็บตัว เจ็บจริงด้วย ทั้งแจ็คกี้ ชานและม้าถ่ายทอดอารมณ์การจากลาได้ยอดเยี่ยมกับฉากที่แฟนของลูกสาวที่กลับมาหาพ่อและหายโกรธพ่อช่วยกันว่าความเพื่อไม่ให้กระต่ายแดงตกไปเป็นของคนอื่นหากแต่ต้องแพ้คดี ฉากเหล่าหลัวต้องพลัดพรากกับกระต่ายแดงทำคนทั้งโรงร้องไห้กันระงม อยากถามเขาฝึกม้ายังไงเล่นได้แววตาเศร้ายามจากเจ้าของมัน จะบอกว่าใครที่คิดถึงแจ็คกี้อยากเห็นเขาบู๊ในแบบของเขาก็มีให้เห็น แต่ไม่เหมือนก่อนด้วยอายุ และเรื่องนี้มีครบรส ที่มากสุดคงความผูกพันระหว่างพ่อลูก ระหว่างคนกับม้าที่เรียกน้ำตาคนทั้งโรง ถ้าแจ็คกี้ ชานจะอำลาวงการถือว่าเขาหาทางลงได้อย่างสวยงามกับหนัง Ride On ควบสู้ฟัด

ติดเต็ม *****

            “The Covenant  เดอะ โคเวแนนท์” ผลงานของ กาย ริทชี่ ที่นำแสดงโดย เจค จิลเลฮาล, แอนโทนี สตาร์, อเล็กซานเดอร์ ลุควิก, จอนนี ลี มิลเลอร์, ดาร์ ซาลิม  เรื่องราวของนายทหารอเมริกัน จ่า จอห์น คินลี่ย์ (เจค จิลเลฮาล) กับ อาเหม็ด ล่ามชาวอัฟกานิสถาน โดยพวกเขาทำงานในการลาดตระเวนตามปกติ แต่จู่ ๆ กองทัพสหรัฐถูกกลุ่มตาลีบันเข้าโจมตี อาเหม็ดใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตจ่าจอห์น เพื่อพากลับฐานทัพอย่างปลอดภัย

            เป็นหนังตีแผ่เรื่องจริงของกองทัพสหรัฐที่ตั้งฐานทัพในอัฟกานิสถานมายาวนาน เพื่อปราบกลุ่มกฎตาลีบัน โดยมีล่ามเป็นตัวกลางเชื่อมทหารสหรัฐให้เข้าถึงชาวอัฟกานิสถาน ทว่าเมื่อกลุ่มตาลีบันต้องการขับไล่กองทัพสหรัฐจึงหาวิธีลอบทำร้าย ขณะจ่าจอห์น พร้อมกลุ่มทหารและอา   เหม็ดล่ามคนใหม่ที่ไหวพริบดีและเชี่ยวชาญพื้นที่ได้เจอเหตุร้ายทำให้เหลือกันสองคน แถมจ่าจอห์นยังถูกกลุ่มตาลีบันตามล่าขณะเขาบาดเจ็บสาหัสต้องพึ่งพาล่ามที่หาวิธีพาเขากลับฐานทัพอย่างเสี่ยงตายทุกการเดินทางเพื่อหนีการตามล่า เป็นหนังสงครามที่สร้างวีรบุรุษในสงครามก็คือ จ่าจอห์นและ อาเหม็ด ล่ามผู้ถูกลืมหลังจากช่วยจ่าจอห์นกลับมาอย่างปลอดภัย หนังแสดงให้เห็นถึงหน้าที่ของล่ามที่รับปากจะช่วยก็ช่วยสุดชีวิต แม้ต้องเอาชีวิตเขาแลกกับกลุ่มตาลีบันที่ไล่ล่ากระชั้นชิด ดูไปก็ลุ้นว่าพวกเขาจะรอดไหม ๆ ซึ่งโชคดียังมีชาวอัฟกานิสถานที่ไม่ชอบพวกกฎให้ความช่วยเหลือทั้งสอง และหลังจากจ่าจอห์นปลอดภัยกลับอเมริกา ความฝังใจจากได้รับการช่วยเหลือจากอาเหม็ดและสัญญาจะให้วีซ่าอเมริกาแก่ล่ามผู้ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ทำให้จ่าจอห์นต้องกลับไปอัฟกานิสถานเพื่อพาอาเหม็ดและครอบครัวหนีออกมาตามสัญญา เหมือนเป็นบุญคุณต้องทดแทน เป็นหนังที่ดูง่าย ดูเพลิน ดูสนุกมาก มีมุกตลกให้คลายเครียดบางฉากเพื่อผ่อนคลาย และฉากที่ทำให้นั่งเกร็งคืออาเหม็ดทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อพาจ่าจอห์นกลับฐาน สีหน้า อารมณ์สื่อออกมาว่าท้อ แต่เขาก็ฮึดสู้ด้วยหน้าที่และเมียที่รอเขากกลับไป ยังคิดในใจถ้าเป็นอาเหม็ดเจอพวกกฎไล่ล่าจะยอมปล่อยจอห์นให้ถูกจับไหม กาย ริทชี่วางตัวนักแสดงทุกคนได้เหมาะสม ทุกคนแสดงออกมาดีในบทของตนเอง แต่ที่โดดเด่นช่วงแรกคงเป็นอาเหม็ด เพราะเจคบาดเจ็บสาหัส แต่บทกลับมาส่งให้เจดตอนพาตัวเองกลับไปช่วยอาเหม็ดอย่างเท่ ฉากสะท้อนใจตอนที่ทั้งจอห์น ที่ปลอมชื่อ อาเม็ดและคนขับรถ ที่พาเขาหนีถูกถูกกลุ่มตาลีบันล้อมกรอบตรงสะพานยิงสู้จนกระสุนหมดเหมือนพวกเขากำลังรอความตาย เพราะกลุ่มทหารนอกสังกัดไม่มาช่วยตามที่จอห์นว่าจ้าง สายตาตอนจอห์นมองอาเหม็ดที่ไม่มีแววโกรธเคืองเมื่อพาเขาและเมียกับลูกตัวน้อยมาตายเลย ไม่ได้ดูหนังดีที่ต้องตบมือนานมานานมากแล้ว

ติดเต็ม *****

            M Pictures พร้อมส่งผลงานของ กาย ริทชี่ เรื่อง OPRATION FORTUNE” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับทีมหน่วยปฏิบัติการที่นำโดยสุดยอดสายลับ ออร์สัน ฟอร์จูน (เจสัน สเตแธม) ที่ออกตามล่าสุดยอดอาวุธที่อยู่ในการครอบครองของพ่อค้าอาวุธพันล้าน เกร็ก ซิมม่อนส์ (ฮิวจ์ แกรนท์) พร้อมกับสุดยอดทีม ที่พิสูจน์ฝีมือมาแล้วจากทั่วทุกมุมโลก ประกอบไปด้วย ซาร่าห์ ฟิเดล ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี (ออเบรย์ พลาซ่า), นาธาน เจสมิน ผู้สั่งการ (แครี่ เอลเวส) และ  เจ.เจ เดวิส นักแม่นปืน (บักซี่ มาโลน) ด้วยแผนการที่ออกแบบมาเพื่อแทรกซึมการซื้อขายอาวุธ และจัดการ ซิมม่อนส์ รวมไปถึงอาวุธเทคโนโลยีใหม่ของเขา โดยการแบล็กเมล์ดาราฮอลลีวูดคนโปรดของพ่อค้าอาวุธคนนี้อย่าง แดนนี่ ฟรานเชสโก้ (จอช ฮาร์ตเน็ต) และใช้เขาเพื่อเป็นเหยื่อล่อให้ ซิมม่อนส์ปรากฏตัวออกมาและช่วยโลกใบนี้ ด้วยแผนการระดับสุดยอด

              หนังแนวสายลับปฏิบัติการกู้โลกอัดแน่นไปด้วยเหล่าพระเอกยุคอดีตยันปัจจุบัน ที่ยังหล่อทะลุแมสกันทุกคน มาสไตล์เอาฮา ไม่เน้นฆ่าเลือดท่วม เพราะคงจับจุดได้ว่าควรมีฮาไม่ใช่ยิงกันเลือดกระเด็นไปทั่วโรง ซึ่งเนื้อหาไม่ต้องคิดมาก ดูเพลิน ๆ พี่โล้นเจสัน ไม่ต้องบู๊โลดโผนมาก แต่เท่ เนียบ นักแสดงประกอบชายแต่ละคนเล่นได้ฉีกจากภาพเดิมที่ชินตา โดยเฉพาะ ฮิวจ์ แกรนท์ ถ้าใครติดตามผลงานของพระเอกหน้าหวานคนนี้ จะลืมภาพเดิม ๆ ไปเลย เพราะเฮียมาแนวเจ้าพ่อค้าอาวุธที่ยิ้มน้อย แต่คงเสน่ห์และบางฉากกลบพี่โล้นเจสันก็มีนะ ซึ่งพลิกคาแร็กเตอร์ ฮิวจ์     แกรนท์ เยอะ พักหลังนักแสดงฮอลีวูดมักถูกทาบแจมเรื่องนั้นเรื่องนี้ คงจะชอบบทบาทใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเล่น แล้วเรื่องนี้ก็มีทั้งบู๊ ทั้งฮา ทั้งโหดครบรส

ติดให้ ***

            ภาพยนตร์เรื่อง “Evil Dead Rise” นำเสนอการกลับมาของแฟรนไชส์สยองขวัญที่มีเอกลักษณ์ เป็นผลงานจากผู้เขียนบทฯ / ผู้กำกับฯ ลี โครนิน (“The Hole in the Ground”) ซึ่งนำแสดงโดย ลิลลี่ ซัลลิแวน, อลิซซ่า ซูเธอร์แลนด์, มอร์แกน ดาวีส์, แกเบรียล  เอ็คโคลส์ และแนะนำ เนล ฟิชเชอร์ (“Northspur”)

              ปกติไม่นิยมหนังแนวสยองเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะให้น้อง ๆ สายจิตแข็งไปดู แต่ครั้งนี้ต้องไปดูเอง ดีมีคนข้าง ๆ คอยให้กุมมือเวลาผีโผล่มาหลอน ซึ่งเปิดเรื่องไม่ถึงสิบนาทีผีก็สิงร่างหญิงสาว แล้วซาวน์ผวา ลุ้นแบบตุ้งแช่ก็พานั่งเอามือยึดพนักเก้าอี้ แล้วก็มีหลายเสียงที่เลือกมาใส่ในฉากเปิดเรื่อง หลอนตั้งแต่ได้ยินเสียงแต่ละเสียงใส่เข้ามานั่งดูไปเอามือปิดตาไป ก็ไม่ใช่แนวเราเนอะ ผีที่สิงร่างเน้นคำว่า ‘เข้ามาอยู่ในร่าง’ แค่คำนี้ก็หลอนจนเกร็ง พร้อมกับเสียงสยองตามมาไม่หยุด ตัวผีก็แต่งมาคงคอนเซปต์ผีต่างชาติอย่างมีจุดยืน หน้ากลัวเวลาแสยะยิ้ม ทำให้พานึกถึงหนังดังที่มีบาทหลวงไล่ปราบ แล้วผียุคนี้แม้ไม่แปลกตรงสิงร่างแต่ปีนป่ายเก่งนัก ฉากปีนป่ายไล่ล่าก็นำเสนอได้สยองดี เอกเฟกต์แต่งหน้าผีน่ากลัว ส่วนสถานที่ก็เหมาะให้หลอนอีกต่างหาก ครบทั้งเอฟเฟกต์ผสมบรรยากาศชวนขนลุก แทบไม่ได้ทิ้งช่วงกลัว ผีจะโผล่มาพอผ่อนหายใจผีก็โผล่มาหลอก ใครที่ชอบแนวสยองพองขนแขนตั้ง แนะนำเรื่องนี้แต่ควรหาเพื่อนไปดูด้วยเวลากลัวจะได้กอดกัน ถือว่าผู้กำกับ ลี โครนิน ไม่ทิ้งลายเจ้าพ่อหนังสยองขวัญ

ติดให้ *** ครึ่ง

              AIR  ผลงานกำกับฯ โดย เบ็น แอฟเฟล็ค  เขียนบทฯ โดย อเล็กซ์ คอนเวอรี่ หนังนำแสดงโดย แม็ตต์ เดม่อน, เบ็น แอฟเฟล็ค, เจสัน เบทแมน, คริส เมสสิน่า, แมทธิว เมเฮอร์, มาร์ลอน เวย์นส, เจย์ โมร์, จูเลียส เทนนอน ร่วมด้วย คริส ทัคเกอร์ และ วิโอล่า ดาวิส ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความสัมพันธ์ของหุ้นส่วนที่เปลี่ยนไปได้อย่างเหลือเชื่อ ระหว่าง ไมเคิล จอร์แดน มือใหม่ในอดีตกับแผนกบาสเกตบอลมือใหม่ของ Nike ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้โลกของกีฬา และค่านิยมของคนรุ่นใหม่กับแบรนด์ Air Jordan เรื่องราวชวนตื่นเต้นของทีมที่เลือกจะฉีกกฎออกจากคนอื่น โดยมีอาชีพการงานเป็นเดิมพัน ภาพในอนาคตที่เห็นได้ชัดเจนของผู้เป็นแม่ที่รู้เรื่องพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ของลูกชายตัวเองกว่าใคร และนักบาสเกตบอลชื่อดังผู้กลายเป็นตำนานความยิ่งใหญ่ตลอดกาล

              หนังเปิดเรื่องด้วยการแนะนำตัวละครหลักและรองที่มีตัวตนจริงให้เราได้รู้จักว่าแต่ละคนมีหน้าที่อะไรในบริษัทและมีบทบาทอย่างไร โดยตัวละครทั้งหมดจะทำหน้าที่รับส่งและประคับประคองเส้นเรื่องให้ขยับไปข้างหน้าด้วยกันผ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบริษัท Nike  พร้อมกับเรื่องราวภายในครอบครัว เดอะ จอร์แดน ที่มีเกือบจะครึ่งหนึ่งของเรื่องราว และมุมมองคู่แข่ง ซึ่งเนื้อหาเเน้นสนทนาล้วน ๆ เลย เป็นการพูดคุยระหว่างตัวละคร แต่ละกลุ่มที่ต่างก็มีบทบาท ก็เลยทำให้ได้เห็นมุมมองจากหลายเหตุการณ์ โดยหนังจงใจไม่ให้เป็นการเล่าเรื่องจากมุมเดียว แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีบางช่วงบางตอนที่บทสนทนาดูยืดเยื้อและเยิ่นเย้อเกินความจำเป็น ในส่วนของโปรดักชันทำได้ดีมากเลย เรื่องรากับเรื่องราวในยุค 1980’s ช่างสรรหาวัสดุอุปกรณ์เครื่องใช้ในสำนักงาน ตลอดจนรถราในยุคนั้นมาใส่ไว้จนเกือบลืมไปเลยว่าหนังเรื่องนี้สร้างขึ้นมา 30 กว่าปี หลังเหตุการณ์จริง สำหรับใครชอบเพลงก็ฟิน เพราะอัดแน่นด้วยบทเพลงคลาสสิกจากยุค 80’s ที่ใส่มาเรื่อย ๆ ในแต่ละฉาก เข้ากับสถานการณ์สุด ๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่แปลไทยให้กับเนื้อเพลง ถ้าบางคนฟังไม่ออกก็จะไม่เข้าใจเนื้อหาของบทเพลง แต่จากหนังเริ่มฉายจนจบถือว่าดีทีเดียว

ติดให้ ****

              คำถามภาพยนตร์เรื่อง “AIR ใครกำกับเรื่องนี้?

              ทราบคำตอบเขียนชื่อ นามสกุล ที่อยู่ และคำตอบ ให้ชัดเจน ส่งไปรษณียบัตรมาที่

คอลัมน์หนังดีติดดาว

32/15 ซ.ลาดพร้าว 23 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

ผู้ที่ตอบถูก 3 ท่าน จะได้รับของรางวัลจาก วอร์เนอร์ บราเธอส์ ขอบคุณอนุเคราะห์ของรางวัลเล่มเกม

              “หุ่นพยนต์” กำกับภาพยนตร์โดย ไมค์-ภณธฤต โชติกฤษฎาโสภณ(ผู้กำกับหนัง 100ล้าน จากภาพยนตร์พี่นาค1 ถึง พี่นาค3)  นำแสดงโดย ภูวิน-ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน, อัพ-ภูมิพัฒน์ เอี่ยมสำอาง, นิก-คุณาธิป ปิ่นประดับ, เจมส์-ภูริพรรธน์ เวชวงศาเตชาวัชร์,  เอมี่-ทสร กลิ่นเนียม, ฮัท-ศิววงศ์ ปิยะเกศิน, เอ็ดดี้เฮง-สมยศ มาตุเรศ, กาโต้-ปัณณวิชญ์ พัฒนศิริ, ยูโร-วรัชต์ธิปต์ กิตติสิริไพศาล, แบงค์-ณฐวัฒน์ ธนทวีประเสริฐ, แบงค์-พงศกร มีชัย, เซน-จตุรวิชญ์ เชี่ยวประสิทธิ์, ปราชญ์ ปราชญ์รวี สีเขียว บอกเล่าเรื่องราวของความเชื่อและความไม่เชื่อ เดินเรื่องผ่านตัวละครอย่าง ธาม, เต๊ะ, นิก ที่มีชีวิตมาเป็นเดิมพัน เพราะถ้าเล่นกับความงมงาย ท้าทายกับศรัทธา ต้องกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่มองไม่เห็น! บอกผ่านกิเลสความจริงของมนุษย์ที่มีด้านมืดแฝงตัวอยู่

              หนังมีตัวละครรองเยอะเกินความจำเป็น แล้วยังทำให้ตัวละครหลักถูกลดบทบาทลง เพราะต้องเอาเวลาไปให้กับตัวละครรองให้ได้ออกมามีส่วนร่วมกับเรื่องราว ยังดีที่หนังออกแบบตัวละครรองกลุ่มนี้ได้อย่างมีเอกลักษณ์และมีสีสันจนไม่ได้เป็นปัญหาในการจดจำ  แล้วดูเหมือนหนังจะตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาทางไหนดีระหว่างตื่นเต้น ระทึกขวัญ สยองขวัญ และตลก เพราะว่ามีครบหมดทุกรสที่ว่ามา แถมยังสับสนปนเปจนอารมณ์สะดุดไปแทบทั้งเรื่อง ไม่ค่อยโอเคกับเรื่องราวและแนวทางของหนัง แต่ในช่วงโค้งสุดท้ายเป็นอะไรที่ไม่คาดคิดว่าจะทำออกมาทรงนี้ จากที่ไม่ชอบก็ดึงความรู้สึกขึ้นมาได้หน่อยนึง เพราะว่า…แหมมม พูดมากไปกว่านี้ไม่ได้ เอาเป็นว่าไปรอดูกันเองแล้วกัน  ส่วนแก่นแท้ของเรื่องพูดถึงศาสนา ศรัทธา และความเชื่อ ถ้ามีใครสักคนที่ใช้ศาสนา ศรัทธา และความเชื่อไปเป็นเครื่องมือในการสร้างประโยชน์ให้ตนเอง ทำตัวเป็นเหลือบเป็นมารศาสนา กอบโกยผลประโยชน์ให้ตัวเอง สิ่งนี้น่ากลัวกว่าสิ่งลึกลับเหนือธรรมชาติเสียอีก น่ากลัวกว่าผู้ทรงศีลในผ้าเหลืองกอดแม่ผู้ให้กำเนิดเสียอีก

ติดให้ **

คำถามภาพยนตร์เรื่อง “หุ่นพยนต์” มีอีกชื่อหนึ่งว่าอะไร?

ทราบคำตอบเขียนชื่อ นามสกุล ที่อยู่ และคำตอบ ให้ชัดเจน ส่งไปรษณียบัตรมาที่

คอลัมน์หนังดีติดดาว

32/15 ซ.ลาดพร้าว 23 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

ผู้ที่ตอบถูก 4 ท่าน จะได้รับของรางวัลจาก ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น ขอบคุณอนุเคราะห์ของรางวัลเล่มเกม

Related posts