“ถิ่นวัฒนธรรมทั่วไทยไปกับพี่หนุ่ม’สุทน รุ่งธัญรัตน์ วันนี้พาไปรู้จัก “วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร” ตั้งอยู่ริมถนนสายมาลัยแมน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
“เมืองสุพรรณบุรี” เป็นแหล่งที่อยู่ของคนก่อนประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคหินจนมาถึงยุคโลหะตั้งแต่สมัยสำริดและยุคเหล็ก มีการขุดค้นทางโบราณคดีในจังหวัดสุพรรณบุรีที่ศึกษาได้จากโบราณวัตถุต่างๆในห้องก่อนประวัติศาสตร์สมัยทวารวดีในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง อำเภออู่ทองจังหวัดสุพรรณบุรีแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินทวารวดีศรีสุวรรณภูมิ “อู่ทอง” เมื่อครั้งอาณาจักรแผ่นดินอู่ทองหรือทวารวดีศรีสุวรรณภูมิแล้วก็มาชื่อ “เมืองพันธุมบุรี” ครั้งกระนั้นพระเจ้ากาแตโปรดให้เจ้ามอญน้อยมาบูรณะวัดลานมะขวิดและวัดสนามไชย พอเสร็จแล้วมีข้าราชการจำนวน 2,000 คน ได้บวชหรืออุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์เชื่อว่าด้วยเหตุผลนี้จึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “เมืองสองพันบุรี” ส่วนวัดลานมะขวิดได้ชื่อว่า “วัดป่าเลไลยก์” ตามพุทธลักษณะขององค์พระพุทธรูปดั้งเดิมคือปางประทานปฐมเทศนาแล้วก็เปลี่ยนหรือบูรณะใหม่เป็นปางป่าเลไลยก์หรือชาวบ้านชาวเมืองเรียกว่า “หลวงพ่อโต” เพราะองค์พระพุทธรูปใหญ่โตมีความสูง 11 วา 1 ศอก ส่วนความกว้าง 3 วา 1 คืบ เมื่อครั้งโบราณกาลถ้าหากเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ๆ ก็จะเรียกว่าหลวงพ่อโตไว้ก่อนแต่ถ้าหากมีพระนามจึงได้เรียกตามชื่อนั้น ๆ สำหรับ “วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร” ทุกวันนี้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีของจังหวัดสุพรรณบุรี
ต่อมาพระเจ้าอู่ทองได้สร้างเมืองขึ้นมาใหม่ริมน้ำท่าจีนสันนิษฐานว่าให้ชื่อ “เมืองสุพรรณบุรี” หรืออาจจะเรียกเพี้ยนมาเป็นเมืองสองพันบุรีและมาเป็น “เมืองสุพรรณบุรี” อันนี้เป็นข้อสันนิษฐานเท่านั้น สำหรับเมืองสุพรรณบุรีต่อมาเป็นเมืองหน้าด่านของอาณาจักรแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาเมื่อครั้งเป็นราชธานี แต่อย่างไรก็ตามเมืองสุพรรณบุรีเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญแห่งหนึ่งในภาคกลางครับ
เมื่อเดินทางมาถึง “วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร” ควรเข้ากราบขอพรองค์พระพุทธรูปภายในพระวิหารหลวงประดิษฐานองค์พระพุทธรูป “หลวงพ่อโต” เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสุพรรณบุรี ขอพรได้ทุกเรื่องครับเช่น หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า การสอบเข้ารับราชการ ขอให้ชีวิตมีความสุขหมดเคราะห์ร้ายทั้งหลาย
อีกหนึ่งจุดห้ามพลาดคือศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับวรรณคดีขุนช้างขุนแผนเนื่องจากพลายแก้วบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดป่าเลไลยก์แล้วก็เรียนวิชาอาคมและเป็นสามเณรที่แสดงพระธรรมเทศนาได้เก่งมากดังนั้น “วัดป่าเลไลยก์” สันนิษฐานว่าน่าจะมีอายุประมาณ 1,200 ปี ตั้งแต่สมัยทวารวดีศรีสุวรรณภูมิดังนั้นทุกท่านสามารถไปหาข้อมูลเพิ่มได้ใน “พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอู่ทอง” อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
ส่วนด้านหลังวัดป่าเลไลยก์มีเกาะกลางน้ำหรือเรียกว่า “สวนกล้วยสุพรรณบุรี” มีพันธุ์กล้วยปลูกไว้มากจริง ๆ เพื่อการเรียนรู้เรื่องราวเกษตรโดยทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ตั้งแต่เวลา 06.30 น. มีพระภิกษุสงฆ์นั่งเรือพายมาเพื่อรับการใส่บาตรของญาติโยมทั้งหลายบริเวณท่าริมน้ำส่วนกล้วย เป็นภาพบรรยากาศริมน้ำสวยงามมากครับขอบอกน่าสนใจไปทำบุญตักบาตรพระสงฆ์มีเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์นะครับ
“วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร” น่าสนใจไปท่องเที่ยวได้กราบขอพร องค์หลวงพ่อโต แล้วทำบุญตักบาตรพระทางน้ำ พร้อมสัมผัสวิถีชีวิตแบบชาวสุพรรณครับ สำหรับการเดินทางครั้งนี้ขอขอบคุณ กรมส่งเสริมวัฒนธรรมของกระทรวงวัฒนธรรมที่ได้นำคณะสื่อมวลชนไปร่วมทำข่าวในพิธีเปิดงานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ ภาคกลางและภาคตะวันออก “ดนตรีสานศิลป์ 2 ถิ่นวัฒนธรรม ณ บริเวณเวทีกลางในวัดป่าเลไลยก์วรวิหารเมื่อวันที่ 9-13 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมาครั้งนี้ได้มาเก็บภาพถ่ายบรรยากาศริมน้ำสวนกล้วยตอนพระสงฆ์นั่งเรือพายมารับการใส่บาตรของสาธุชนทั้งหลาย “กินเที่ยวทั่วไทย เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้ ถ้าอยากรู้ต้องออกเดินทางไป…กับ…ผมหนุ่ม-สุทน” แล้วฝากติดตามฟังรายการ “กินเที่ยวทั่วไทยไปกับพี่หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์” ทางคลื่นข่าว fm 100.5 mhz ฟังเรื่องเล่าประวัติศาสตร์ วิถีชุมชน วัฒนธรรมและอาหารถิ่นของชุมชนได้ทุกวันอาทิตย์เวลา 10.10-11.00 น. ขอบคุณและสวัสดีครับ
เรื่องและภาพโดย : หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์
แฟนเพจเฟซบุ๊ค : https://www.facebook.com/sutonfm100.5/
#ติดตามฟังเรื่องราวการเดินทางเที่ยวทั่วไทยทางคลื่นข่าว100.5fm ทุกวันอาทิตย์เวลา 10.10-11.00 น. #ติดต่อวิทยากรด้านการท่องเที่ยวได้ที่ได้ที่แฟนเพจเฟซบุ๊ค #เที่ยวเพลิน #เก็บเรื่องมาเล่าโดยหนุ่มสุทน #bigmaptravel #เที่ยวใกล้เที่ยวง่ายสไตล์ภาคกลาง