ภาคีท่องเที่ยวไทย เชิญสมาชิกสายมู มาร่วมกันทำบุญห่มผ้า ต้นศรีมหาโพธิ์ อายุ 300 ปี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ท่าพระจันทร์ วัดที่อยู่ในวังหน้าตั้งแต่สร้างกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งหลายคนอาจทราบดีว่าวัดนี้ มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นวัดเล็กๆ เมื่อสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ทรงสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ วัดนี้เลยอยู่ในอาณาเขตของพระราชวัง (วังหน้า) ซึ่งสมเด็จพระราชวังบวรราชเจ้ามหาสรุสีหนาถ เป็นองค์อุปถัมภ์ ทำนุบำรุงจากวัดเล็กๆขึ้นมา จนกลายเป็นวัดใหญ่อยู่ในวังหลวง วัดแห่งนี้เคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ครั้งทรงผนวชในเพศบรรพชิต จึงมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับราชวงศ์จักรี แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ มาอย่างยาวนานจนถึงวันนี้
การเชิญชวนให้สมาชิกในเครือข่ายภาคีท่องเที่ยวไทย ได้ใช้เวลาในวันหยุดมาร่วมกันทำบุญห่มผ้าต้นศรีมหาโพธิ์ มาฟังเทศนาธรรม สวดมนต์เย็นเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต โดยมีวิทยากรระดับแฟนพันธุ์แท้ของวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ มาให้คำแนะนำเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของวัดหลวงแห่งนี้ ซึ่งเชื่อแน่เหลือเกินว่าหลายคนอาจจะไม่รู้จักดีเกี่ยวกับที่มาของวัดหลวงแห่งนี้ ซึ่งอยู่ในเขตของเกาะกรุงรัตนโกสินทร์ ที่มีเรื่องราวน่าสนใจมากมาย แม้ว่าทางวัดจะไม่ได้เปิดให้ชมทุกวันเหมือนวัดโพธิ์ ท่าเตียน แต่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ก็มีสิ่งที่น่าสนใจและตื่นตาตื่นใจที่ได้มีโอกาสเข้ามาชมในครั้งนี้ และ เพิ่งจะทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวังหน้าซึ่งนับตั้งแต่มหาวิทยาลัยศิลปากรยาวไปถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และวิทยาลัยนาฏศิลป์
จุดแรก สมาชิกรวมตัวกันที่บริเวณต้นศรีมหาโพธิ์ 300 ปีทางวัดได้จัดดอกบัวขาวบริสุทธิ์เอาไว้เพื่อถวายในยามค่ำคืน เรามีนัดกันบ่ายสามโมงของวันเสาร์ ก่อนจะเริ่มพิธีการฝนก็เทลงมาแต่ไม่หนักมาก อาจารย์เบิร์ด วิทยากรผู้ชำนาญเรื่องวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ คอยบรรยายจนถึงเริ่มพิธีการ มีการรำดอกบัว แล้วเราเริ่มเดินทางเข้าสู่จุดไหว้พระที่วิหารพระประธานศิลาแลง(หลวงพ่อหิน)ซึ่งเป็นพระประธานของวัดสลัก(ชื่อเดิมวัดนี้)ซึ่งสร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมาสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ข้ามมาสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ วัดนี้เลยมีอาณาเขตอยู่ในพระราชวังด้วย(วังหน้า)เมื่อ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ได้สร้างเจดีย์ครอบองค์พระไว้ เมื่อได้ปรับปรุงและสร้างวิหารใหม่ขึ้นมาเลยอัญเชิญหลวงพ่อศิลาแลงมาประดิษฐานในพระวิหารแห่งนี้ตั้งแต่นั้นมา ทุกคนเข้าไปกราบไหว้สักการะบูชา
จุดที่จะต้องสักการะบูชาอีกแห่ง คืออุโบสถ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพราะพระอุโบสถแห่งนี้กว้างใหญ่ สามารถบรรจุได้นับพันคน อุโบสถแห่งนี้แปลกตรงทางเข้าอยู่ด้านข้าง หน้าต่าง 32 บานบ่งบอกอาการครบ 32 ของคนเป็นที่ประดิษฐานของพระศรีสรรเพชญ์และพระอรหันต์ 8 ทิศ และเคยเป็นพระอุโบสถในการทำสังคายนาครั้งหนึ่ง จากนั้นเข้านมัสการพระบรมสารีริกธาตุในมณฑปที่สร้างไว้ ก่อนที่จะมากราบสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท อยู่ด้านหน้าของวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ก่อนจะเดินทางโดยรถรางนำชมบรรยากาศของเกาะกรุงรัตนโกสินทร์
สมาชิกแยกย้ายกันขึ้นรถรางที่มี 2 คันนั่งกันตามอัธยาศัย รถรางเลี้ยวเข้าสู่สนามหลวง แวะถ่ายรูปตรงสนามหญ้าข้างหลังคือพระราชวังวัดพระแก้ว พวกเราจะต้องลงอุโมงค์เพื่อลอดไปขึ้นยังถนนหน้าพระลาน พวกเราหลายคนที่ไม่เคยลงไปยังอุโมงค์หน้าพระราชวัง ตื่นเต้นกับความใหญ่โตอลังการของสถานที่พักผ่อนแห่งใหม่ แอร์เย็นฉ่ำ เวลานักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยววัดพระแก้ว จะต้องจอดรถที่สนามหลวง แล้วเดินมาลงอุโมงค์แห่งนี้ มีสิ่งอำนวยสะดวกเพียบทั้งเก้าอี้นั่งวางเรียงรายไปหมด มีห้องน้ำสุขามากมายรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างเต็มอิ่ม เราชื่นชมรัฐบาลที่สร้างสิ่งนี้เอาไว้ให้คนต่างชาติได้ประทับใจอีกครั้ง
เรามาขึ้นรถรางหน้าพระราชวัง แล้วเดินทางไปยังวังสราญรมย์ ก่อนที่จะแวะทานอาหารที่ห้องอาหารของสโมสรกองทัพเรือ อิ่มกันแล้วก็กลับเข้าสู่โหมดทำบุญ ด้วยการนำผ้าสีเหลืองที่เขียนชื่อทุกคนเอาไว้ แล้วนำมาเวียนเทียนรอบต้นศรีมหาโพธิ์ จนครบแล้วมาฟังพระเทศน์จนถึงการสวดมนต์เย็น ถวายดอกบัวพร้อมปัจจัยให้กับพระสงฆ์จนเสร็จพิธี ซึ่งยาวนานนับชั่วโมง แม้จะมีการนั่งสมาธิก็เป็นช่วงสั้นๆ ทำบุญกันจนอิ่มอกสบายใจ แล้ว ถึงเวลาจะเดินทางกลับบ้าน ขอขอบคุณภาคีท่องเที่ยวไทย โดย ประธานเม่น ภูริวัจน์ คุณชมพู่ ลิ้มถาวรรัตน์ และทีมงาน ที่อำนวยความสะดวกเทคแคร์อย่างดี พร้อมเปิดตาสายมูสายบุญให้มาร่วมทำบุญครั้งนี้อย่างอิ่มใจ.