พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผทค.พิเศษ ตร. รรท.รอง ผบช.ภ.1 แถลงข่าวจับยาบ้า 1,668,000 เม็ด ขยายผลจากจับรายย่อย 150 เม็ด
เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 เวลา 15.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผทค.พิเศษ ตร. รรท.รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จ.สระบุรี พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จ.สระบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชปส.ศอ.ปส.ภ.1 ชุดที่ 3 ร่วมกันจับกุมนาย น.(นามสมมุติ) อายุ 25 ปี จ.นนทบุรี ทำหน้าที่คนขับรถลำเลียงยาเสพติด นาย น.(นามสมมุติ) อายุ 32 ปี คนขับ จ.อุบลราชธานี ทำหน้าที่นั่งมากับ จับกุมตัวได้ที่บริเวณจุดสกัดถนนหลวงหมายเลข 1 (ขาเข้า กทม.) กม.ที่ 87 ต.หนองไข่น้ำ อ.หนองแค จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2566 เวลาประมาณ 21.55 น. พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า 1,668,000 เม็ด รถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ ใช้ลำเลียงยาเสพติด
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 3 ได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญก่อนหน้านี้ จนนำไปสู่การจับกุมนักค้าและทีมลำเลียงยาเสพติดได้จำนวนมากหลายคดี จนนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคนในครั้งนี้ ที่ทำหน้าที่ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งให้กับนักค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง โดยการขยายผลจากการจับกุมผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ จ.สระบุรี จำนวน 150 เม็ด ก่อนขยายผลจนจับกุมรายใหญ่ได้ของกลางจำนวนมาก
ต่อมาวันที่ 4 ก.ย. 66 ทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาจะลักลอบลำเลียงยาเสพติดโดยใช้รถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ เป็นยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติด โดยจะขับมาตามถนนมิตรภาพ (ทางหลวงหมายเลข2) มุ่งหน้าจังหวัดสระบุรี เข้าสู่พื้นที่ชั้นใน จึงได้นำกำลังไปสังเกตการณ์และพบรถยนต์คันดังกล่าว จากนั้นได้สะกดรอยติดตามไป พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จ.สระบุรี ได้ประสานการปฏิบัติ ตั้งจุดสกัดบริเวณจุดสกัดถนนหลวงหมายเลข 1 กม.ที่ 87 (ขาเข้า กทม.) ต.หนองไข่น้ำ อ.หนองแค จ.สระบุรี จนสามารถจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไว้ได้ พร้อมของกลาง 1,668,000 เม็ด ที่ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ ซึ่งยาเสพติดดังกล่าวหากแพร่กระจายสู่ท้องตลาดจะมีมูลค่าสูงถึง 10,000,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลถึงผู้อยู่ในขบวนการค้ายาเสพติดและทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการทำความผิดต่อไป
หลังจากนั้นได้แจ้งข้อหา ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป