สำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับ กระทรวงวัฒนธรรม, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ จัดงานใหญ่สมโภชพระอารามหลวงครบ 338 ปี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 72 พรรษา นำเสนอความงดงามของวัดคู่วัง-ประวัติศาสตร์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จัดแสดงแสงสีและวัฒนธรรมไทย และการนั่งสมาธิที่มีจำนวนคนเข้าร่วมมากที่สุดในโลก ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ บันทึกสถิติลงใน Guinness Book of World Records สู่จุดหมายแห่งการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนาระดับโลก
พระพรหมวชิราธิบดี เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร เปิดเผยว่า นับตั้งแต่การก่อตั้งวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ซึ่งเดิมชื่อว่าวัดสลัก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ปรากฏศิลาจารึกมีอยู่ไว้ใต้ฐานพระพุทธรูปหินซึ่งเป็นพระประธานในอุโบสถวัดสลัก โดยอักษรที่จารึกนั้นเป็นอักษรในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ใน ปีพ.ศ.2228 และนับจนถึงปัจจุบัน ปีพ.ศ.2566 วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ มีอายุครบ 338 ปี
ดังนั้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณูปการ คุณงามความดีที่บูรพมหากษัตริย์และบูรพาจารย์ผู้ได้สร้างวัดมหาธาตุให้เป็นแหล่งเรียนรู้ เป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของอนุชนคนรุ่นหลัง ทำให้มีความรู้ความสามารถตั้งตนในทางที่ชอบได้ เป็นจุดเริ่มต้นของการสอนวิปัสสนากรรมฐานแนวสติปัฏฐาน 4 ดังนั้นคณะสงฆ์วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ และคณะศิษยานุศิษย์จึงพร้อมใจกันจัดให้มีการสมโภชพระอารามขึ้น ในระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2566 – 2 มกราคม พ.ศ. 2567 ภายใต้ชื่อ “งานสมโภชพระอารามหลวงครบ 338 ปี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว”
นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ นับเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล พระอนุชาธิราชในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สถาปนาพระอารามแห่งนี้ เมื่อปี พ.ศ.2326 พระอารามนี้เป็นที่สถิตของสมเด็จพระสังฆราช จำนวน 5 พระองค์ ในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นสถานที่ทำสังคายนาพระไตรปิฎก มีการก่อตั้งวิทยาลัยสงฆ์แห่งคณะสงฆ์ไทยแห่งแรกขึ้นจากมหาธาตุวิทยาลัย สู่ความเป็นมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย นามพระอารามได้เปลี่ยนจากวัดสลักเป็นวัดนิพพานาราม วัดพระศรีสรรเพชญ์และวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร ในปัจจุบัน
การจัดงานนี้ยังมีจุดประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเจริญพระชนมพรรษา ครบ 72 พรรษา ใน ปีพ.ศ.2567 และเพื่อรำลึกถึงบูรพพระมหากษัตริย์และบูรพาจารย์ทุกพระองค์ ที่ได้สร้างและทำนุบำรุงวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ให้มีความเจริญรุ่งเรืองสืบมาถึงปัจจุบัน
วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ยังเป็น 1 ในวัดสวยแห่งเกาะรัตนโกสินทร์ที่ต้องไปไหว้สักการะ ทั้งยังมีพระบรมสารีริกธาตุ-พระศรีสรรเพชญ์-พระอรหันต์ พระอุโบสถใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร พระมณฑป ตึกแดง ศิลาจารึกดวงชะตา และต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งถือว่าเป็นวัดคู่วัง คู่ประเทศที่สำคัญยิ่ง
ภายในงานจะมีการจัดกิจกรรมการปฎิบัติธรรมเจริญจิตตภาวนา หรือการนั่งสมาธิที่มีจำนวนคนเข้าร่วมมากที่สุดในโลก (ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่) เพื่อบันทึกสถิติลงในGuinness Book of World Records อีกด้วย
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมร่วมเผยแพร่ให้วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เป็นจุดหมายแห่งการเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมทั้งของชาวไทยและชาวต่างชาติ ปัจจุบันภายในวัดมี 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่วัด ได้แก่
1) พระศรีรัตนมหาธาตุเจดีย์ (พระเจดีย์ทอง) ในพระมณฑป สมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาสุรสิงหนาท ทรงสร้างพระมณฑปสูง 10 วา บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อเป็นที่สักการะบูชา สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพฯ สันนิษฐานว่า ภายในพระเจดีย์ทองนี้ได้บรรจุพระอัฐิ สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกไว้ด้วย
2) พระศรีสรรเพชญ์ พระประธานใหญ่ในพระอุโบสถ
3) บวรราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล พระราชอนุชาร่วมพระชนกชนนีกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงเป็นแม่ทัพผู้ทรงพระปรีชาสามารถสูงทั้งในเชิงยุทธศาสตร์และยุทธวิธี เป็นผู้ก่อสร้างพระราชวังบวรสถาน บูรณะปฏิสังขรณ์วัดมหาธาตุและทรงส่งเสริมงานศิลปะสาขาอื่น ๆ
4) พระประธานศิลาแลง (หลวงพ่อหิน) พระประธานในอุโบสถวัดสลัก (ชื่อเดิมของวัดมหาธาตุ) ปัจจุบันประดิษฐานในพระวิหารหลวง
5) ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 พระสมณทูตไทยได้นำหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมืองอนุราธปุระ มาปลูกไว้ที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เมื่อปี พ.ศ. 2361 ปัจจุบัน ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ อายุ 205 ปี
ทั้งนี้ที่ผ่านมา ททท.ได้มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวโซนเกาะรัตนโกสินทร์ หนึ่งในนั้นคือวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ซึ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ททท.ได้ร่วมกับทางวัดจัดกิจกรรมศรัทธานำทาง เส้นทางนำเที่ยว เป็นอีกมิติที่น่าสนใจในการเชื่อมวัฒนธรรม ตลอดจนวัดวาอารามต่างๆ สู่การท่องเที่ยวเชิงศาสนา ที่จะสร้างความหมายในการเดินทางได้อย่างน่าจดจำ พร้อมทั้งจัดเส้นทางการท่องเที่ยวเชื่อมวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์กับสถานที่โดยรอบ
วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ถือเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวทางพุทธศาสนาที่ต้องห้ามพลาดในเมืองไทย ความยิ่งใหญ่จากอดีตถึงปัจจุบันนั้น นับเป็นอารามหลวงชั้นเอกพิเศษที่มีเพียงแค่ 1 ใน 6 ของเมืองไทย พระอารามหลวงแห่งแรกของกรุงรัตนโกสินทร์
นางฐนิวรรณ กุลมงคล กรรมการอำนวยการจัดงาน กล่าวว่า ภายในงานจะมีการจัดการแสดง ILLUMINATE LIGHTING SHOW โดยการใช้แสง สี และ MAPPING ดึงดูดความสนใจของผู้เข้าชมงาน ใน concept “การเดินทางด้วยแสงแห่งปัญญา : JOURNEYING THROUGH LIGHT OF WISDOM” การแสดง ILLUMINATE WITH THAI JAZZ CONCERT ดนตรีที่เชื่อมโยงความงดงามของวัฒนธรรมไทย ประวัติศาสตร์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ความผูกพันและศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนากับสังคมไทยใน Concept “MINIMAL MUSIC” :ดนตรีเล่าเรื่อง (เครื่องดนตรีน้อยชิ้นแต่เห็นภาพและสร้างสรรค์) โดยเป็นการจัดการแสดง Concert ผสมผสานกับ Mapping Laser Building ลงไปที่ตัวอาคารตามจังหวะเสียงดนตรี เส้นแสงของเลเซอร์ที่ถูกยิงลงบนตัวอาคาร ทำให้ความรู้สึกดูตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้น
การแสดงทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย เพื่อสร้างบรรยากาศ แสดงวันละ 3 รอบ กิจกรรมตลาดย้อนยุค อาหารและขนมไทยที่มีเอกลักษณ์ จำนวนกว่า 20 ร้านค้า กิจกรรมตลาดงานคร๊าฟ (Mahathat Craft Market) จำนวนกว่า 20 ร้านค้า กิจกรรมเสวนาการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างแดนของพระธรรมทูต(สายวัดมหาธาตุ) จึงใคร่ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมงานดังกล่าว
ทั้งนี้ในวันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2566 สำนักนายกฯ, ก.วัฒนธรรม, ททท. และวัดมหาธาตุฯ จะจัดงานแถลงข่าว “งานสมโภชพระอารามหลวงครบ 338 ปี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” ณ พระอุโบสถวัดมหาธาตุฯ ในเวลา 15.00 น. จึงขอเรียนเชิญสื่อมวลชนมาร่วมงาน
ติดต่อสอบถาม 092-541-9653 ตูนนิสต์