เช้านี้ (25 กันยายน 2566) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เที่ยวบิน XJ 761 สายการบิน Thai AirAsia X เส้นทางบินตรงเซี่ยงไฮ้-สุวรรณภูมิ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 341 ราย ถือเป็นเที่ยวบินแรกของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจากรัฐบาลไทยประกาศยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) เพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติจีนและคาซัคสถาน ตั้งแต่ 25 กันยายน 2566 – 29 กุมภาพันธ์ 2567 โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดพิธีต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานใน 4 ท่าอากาศยานหลัก สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การพลิกฟื้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะการท่องเที่ยวจะเป็นกุญแจดอกแรกในการสร้างรายได้ที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงานให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก หนึ่งในมาตรการ Quick Win คือ มาตรการเชิงรุกด้านการอำนวยความสะดวกในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย (Ease of Traveling) ผ่านมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) สำหรับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติจีนและคาซัคสถาน ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 – 29 กุมภาพันธ์ 2567 ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 18 กันยายน 2566 ซึ่งทั้งสองตลาดถือเป็นตลาดศักยภาพและมีอัตราการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญต่อการฟื้นฟูภาพรวมการท่องเที่ยวไทย
เพื่อสะท้อนถึงศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. ได้จัดพิธีต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐคาซัคสถาน ณ ท่าอากาศยานสำคัญ 4 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานภูเก็ต โดยแต่ละพื้นที่ได้จัดพิธีต้อนรับ การแสดงศิลปวัฒนธรรม พร้อมมอบพวงมาลัยและของที่ระลึก เพื่อต้อนรับสร้างความประทับใจและแสดงถึงความพร้อมในการเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของการท่องเที่ยว
สำหรับพิธีต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับเกียรติ จากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ พลตำรวจโท สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พลตำรวจโท ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บังคับบัญชาสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. และนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ เข้าร่วมงาน โดยให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เที่ยวบิน XJ 761 สายการบิน Thai AirAsia X เส้นทางบินตรงเซี่ยงไฮ้ ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลา 10.15 น. จำนวนผู้โดยสาร 341 คน ซึ่งถือเป็นนักท่องเที่ยวจากจีนกลุ่มแรก หลังจากประกาศมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (VISA Exemption) แก่นักท่องเที่ยวจีน โดยมอบพวงมาลัยและของที่ระลึก พร้อมจัดแสดงหุ่นละครเล็กและรำกลองยาวเพื่อสร้างคึกคักและความประทับใจ ตั้งแต่เดินทางถึงด้วยมิตรไมตรีอย่างอบอุ่น รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่น และส่งมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่าและความหมายในทุก ๆ ครั้งที่มาเยือน
ทั้งนี้ สำหรับท่าอากาศยานอีก 3 แห่ง ททท. ร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ดังนี้ ท่าอากาศยานดอนเมือง จำนวน 3 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบิน FD583 สายการบิน Thai Air Asia จากคุนหมิง เที่ยวบิน SL935 สายการบิน Thai Lion Air จากฉางซา และเที่ยวบิน DD3111 สายการบิน Nok Air จากหนานหนิง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จำนวน 2 เที่ยวบิน สายการบิน China Eastern Airlines ได้แก่ เที่ยวบิน MU 205 จากเซี่ยงไฮ้ และเที่ยวบิน MU 2563 จากคุนหมิง และท่าอากาศยานภูเก็ต ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐคาซัคสถาน 1 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบิน KC 563 สายการบิน Air Astana จากอัลมาตี้ และจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 3 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบิน CA 717 สายการบิน Air China จากหางโจว เที่ยวบิน 9C8667 สายการบิน Spring Airlines จากเซี่ยงไฮ้ และเที่ยวบิน CA 821 สายการบิน Air China จากปักกิ่ง
ตลาดนักท่องเที่ยวจีน มีนัยยะสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเป็นกลุ่มตลาดเป้าหมายหลักและเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงทั้งด้านรายได้และจำนวน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันตลาดจีนยังคงเผชิญความท้าทายที่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 17 กันยายน 2566 ประเทศไทยให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด 19,000,988 คน โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวน 2,341,080 คน ถือเป็นตลาดนักท่องเที่ยวอันดับที่ 2 รองจากมาเลเซียที่เดินทางเข้าประเทศไทยมากที่สุด โดยปัจจุบันมีการฟื้นตัวอยู่ที่ประมาณร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับปี 2562 สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวคาซัคสถานเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 เกือบเท่าตัว จากประมาณ 56,529 คนในปี 2562 เป็น 109,865 คนที่เดินทางเข้าประเทศไทยระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 17 กันยายน 2566 โดยเป็นตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ที่มีแนวโน้มและศักยภาพในการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง
ททท. คาดการณ์ว่า มาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) จะสามารถกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีน ให้เดินทางเข้าประเทศไทยประมาณ 4.01 – 4.4 ล้านคนในปี 2566 และผลักดันรายได้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนสู่เป้าหมาย 257,500 ล้านบาท ขณะที่คาดว่าในช่วง 5 เดือนที่มีมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศประมาณ 2,888,500 คน สร้างรายได้ 140,313 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการฟื้นตัวร้อยละ 62 เมื่อเทียบกับปี 2562 ขณะที่คาดว่านักท่องเที่ยวคาซัคสถานจะเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน 150,000 คนในปี 2566 และคาดว่าในช่วง 5 เดือนของการยกเว้นการตรวจลงตราจะมีนักท่องเที่ยวคาซัคสถานจำนวนประมาณ 129,485 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สร้างรายได้ประมาณ 7,930 ล้านบาท
ทั้งนี้ รัฐบาลเชื่อมั่นว่า มาตรการดังกล่าวจะเข้ามาเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และจะช่วยพลิกฟื้นการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากจะช่วยคลี่คลายข้อจำกัดในการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีน ทั้งเรื่องระยะเวลาและค่าใช้จ่ายส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว กลุ่มทัวร์ และกลุ่ม Incentive ประกอบกับช่วงเวลาดำเนินมาตรการฯ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ครอบคลุมช่วง Golden week ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมออกเดินทางท่องเที่ยว ต่อเนื่องถึงช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่จะยิ่งช่วยผลักดันสู่เป้าหมายภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ตั้งไว้ของปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25 – 30 ล้านคน และสร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศ ให้กลับมาในอัตราร้อยละ 80 ของปี 2562 ที่ 1.5 ล้านล้านบาท พร้อมมุ่งสู่เป้ารายได้รวม 2.38 ล้านล้านบาท