ตำรวจภูธรภาค 1 จับมือทหาร และ ป.ป.ส.รวบแก๊งลอบขนยาบ้าล็อตใหญ่ กว่า 4,000,000 เม็ด ที่ สภ.วังน้อย จว.พระนครศรีอยุธยา

               ตำรวจภูธรภาค 1 การแก้ไขปัญหายาเสพติด กรณี “จับกุมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อนำมาจำหน่ายและแพร่กระจายในภาคกลางและภาคใต้” ตามนโยบายรัฐบาลเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งระบบด้วยการสืบสวนขยายผลและวิเคราะห์ความเชื่อมโยงเครือข่ายของนักค้ายาเสพติดอย่างรู้เท่าทัน เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นทาง-กลางทาง-ปลายทาง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

               สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร., พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รรท.รอง ผบ.ตร. และ สำนักงาน ป.ป.ส.โดย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รรท.เลขาธิการ ป.ป.ส.จึงสั่งการให้มีการสืบสวนสอบสวนขยายผลจากกรณีจับกุมยาเสพติดรายสำคัญทุกราย รวมถึงวิเคราะห์ความเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มผู้ผลิต นำเข้าผู้ลำเลียง ผู้จัดเก็บ ผู้จำหน่าย และสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดนเข้ามาถึงพื้นที่ตอนในของประเทศ

               ตำรวจภูธรภาค 1 โดย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รรท.ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รรท.รอง ผบช.ภ.1, ร่วมกับ บช.ปส. โดยพล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รรท.ผบช.ปส. พร้อมด้วย หน่วยข่าวกรองทางทหาร โดย พล.ต.อาทิตย์ ม่วงเล็ก ผบ.ขกท., ขกท.ศปก.นสศ. โดย พ.อ.สุพจน์ สวาคฆพรรณ, สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 1 โดยนายประสาร หยงสตาร์ ผอ.ป.ป.ส.ภาค 1, ว่าที่ ร.ต.อากาศปานแย้ม ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 1 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกนายในสังกัดบูรณาการร่วมกันสืบสวนจับกุมบุคคลในเครือข่ายยาเสพติด ดังนี้

               สืบเนื่องจากวันที่ 4 ก.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 3 ได้จับกุมนายนนทวัฒน์ หรือนิก (ขอสงวนนามสกุล) และนายศุภวัฒน์ หรือตาล (ขอสงวนนามสกุล)พร้อมของกลางยาบ้าประมาณ 1,600,000 เม็ด พื้นที่ สภ.หนองแค ภ.จว.สระบุรี ซึ่งจากสืบสวนขยายผลในคดีดังกล่าว ทำให้ทราบว่าจะมีทีมลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้ามาส่งยาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รรท.ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ผบก.ภ.จว.สระบุรี จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังติดตามและสืบสวนจับกุม

               ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ต.ค.66 จากการสืบสวนทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจาก จ.นครพนม มาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลางโดยใช้รถบรรทุกยี่ห้ออีซูซุ สีขาวทะเบียน จ.สุรินทร์ เป็นยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติด และจะใช้รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลยี่ห้อโตโยต้า สีขาวทะเบียน จ.ร้อยเอ็ด และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้ออีซูซุ สีเทาทะเบียน กทม. ในการสำรวจเส้นทางด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

               จนกระทั่งเวลาประมาณ 15.20 น. ของวันที่ 1 พ.ย.66 พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี/หัวหน้า ชปส.ศอ.ปส.ภ.1 ชุดที่ 3 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 3 และเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยข่าวกรองทางทหาร ร่วมกันไปสังเกตการณ์และพบกลุ่มรถยนต์ดังกล่าวอยู่ที่สถานีบริการน้ำมัน พีที วังน้อย (ขาออก กทม.) หมู่ 3 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จึงนำกำลังเฝ้าสังเกตการณ์และสามารถจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ จำนวน 5 คน ได้แก่ นายสุรชาติ หรือชาติ (ขอสงวนนามสกุล), นายวิรอน หรือแดง (ขอสงวนนามสกุล), น้องชายของนายวิรงค์ (ขอสงวนนามสกุล), นายณัฐสิทธิ์ หรือเติ้ล (ขอสงวนนามสกุล), นายพงศ์อิทธิพล หรือเจ๋ง (ขอสงวนนามสกุล)

                ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 8 กระสอบ รวมจำนวน 2,000 มัด ประมาณ 4,000,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในรถบรรทุกยี่ห้ออีซูซุ สีขาวทะเบียน จ.สุรินทร์ พร้อมด้วยอาวุธปืน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน  14 นัด นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.วังน้อย เพื่อดำเนินคดีในความผิด “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 3 เพิ่มเติมว่ามีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต”

               โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดการณ์ว่าหากไม่มีการจับกุมสกัดกั้นยาเสพติดดังกล่าวไว้ได้ก่อน จะแพร่กระจายสู่ท้องตลาด ซึ่งจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 40,000,000 บาท และจะเป็นภัยต่อประเทศชาติ ที่ทำให้เกิดปัญหาสังคมอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย

               ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลถึงผู้อยู่ในขบวนการค้ายาเสพติดและทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการทำความผิดเพื่อนำมาดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดต่อไป

               สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ตำรวจภูธรภาค 1พร้อมรับนโยบายด้านการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญในการปราบปรามยาเสพติดโดยในช่วงที่ผ่านมาสามารถจับผู้ต้องหาและยึดยาเสพติดได้มากขึ้น เนื่องจากมีการสืบสวนขยายผลที่เข้มงวดมากขึ้นดำเนินการยึดทรัพย์กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด และติดตามกลุ่มผู้ค้าที่ยังเคลื่อนไหวโดยดำเนินการควบคู่กันไปเพื่อตัดวงจรกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดอย่างเด็ดขาด

               ตำรวจภูธรภาค 1 ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากประชาชน ผู้นำชุมชน สมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรมในการแจ้งเบาะแสผ่านศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 หรือทางสายด่วน 1599ตลอด 24 ชั่วโมง

Related posts